
โปรแกรม หน้า V-Shape แบบไหนที่เหมาะสำหรับคุณ ?
กันยายน 7, 2023หลาย ๆ คนที่มีปัญหา ในเรื่องของ แก้มใหญ่ กล้ามเนื้อกรามใหญ่ ก็อยากจะหาวิธีที่แก้ไขปัญหารูปหน้า ด้วยวิธีการที่ไม่ยุ่งยาก ซับซ้อน และเห็นผลได้ภายในระยะเวลาอันสั้น การเลือกโปรแกรม ฉีดโบลดกราม เพื่อต้องการผลลัพธ์ ให้รูปหน้าเรียวเป็น V-Shape (วีเชฟ) โดยไม่ต้องการผ่าตัด ไม่อยากมีแผล และไม่ต้องการเสียเวลาในการพักฟื้น แต่ในการฉีดโบลดกราม ไม่ได้ทำให้ใบหน้าเรียวได้ทุกเคส แต่จะเป็นเพราะอะไรนั้น สาว ๆ ที่จะ ฉีดโบกราม ต้องห้ามพลาดบทความนี้

การฉีดโบลดกราม (Botulinum toxin Type A Injection)
การฉีดโบลดกราม คือ การฉีดสาร โบทูลินั่มท็อกซิน (Botulinum toxin Type A) เข้าไปในส่วนของกล้ามเนื้อ บริเวณกรามหรือกรอบหน้า โดยหลักการทำงานของตัวยาโบ จะออกฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดอ่อนแรงลง หรือหยุดทำงานชั่วคราว และเมื่อกล้ามเนื้ออ่อนแรงลง ก็จะทำให้ไม่สามารถขยับกล้ามเนื้อได้บ่อย ส่งผลให้กล้ามเนื้อกรามเริ่มมีขนาดเล็กลง นอกจากนั้นยังทำให้กล้ามเนื้อที่หดเกร็ง เกิดการคลายตัว ริ้วรอยที่มีจึงดูเรียบเนียนมากขึ้นได้ ซึ่งการฉีดโบที่บริเวณกราม หรือกรอบหน้า จะช่วยให้กล้ามเนื้อกรามลดลงแล้วปรับรูปหน้าให้มีความ V-shape หน้าเรียวขึ้นได้อีกด้วย
ทำไมฉีดโบ แล้วหน้าไม่เรียว กรามไม่ยุบ ?
การ ฉีดโบลดกราม เป็นการฉีดเพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อกราม ดังนั้นการลดขนาดกรามจะได้ผล ต้องมีสาเหตุมาจากกล้ามเนื้อกรามมีขนาดใหญ่ แต่ถ้าหากกรามมีขนาดใหญ่มาจากสาเหตุอื่น เช่น กระดูกกรามใหญ่ หรือมีไขมัน จึงทำให้การฉีดโบ ไม่ได้ผล หรือปรับรูปหน้าให้ V-Shape ด้วยโบไม่ได้ ต้องอาศัยวิธีอื่น เช่น การผ่าตัดลดขนาดกราม หรือการผ่าตัดไขมันผระพุ้งแก้ม หรืออื่น ๆ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับสาเหตุ ปัญหาใบหน้าของแต่ละเคสด้วย ดังนั้นต้องเข้ารับคำปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจฉีดโบ เพราะนอกจากจะเสียเงิน และเจ็บตัวแล้วก็อาจจะไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาด
การฉีดโบลดกล้ามเนื้อกรามเหมาะกับใคร ?
การฉีดโบลดกรามเป็น โปรแกรมปรับรูปหน้าที่เหมาะกับเคสที่มีปัญหารูปหน้า มีกล้ามเนื้อกรามขนาดใหญ่ เมื่อฉีดโบที่บริเวณกรามไปแล้ว หลังจากที่ตัวยาออกฤทธิ์ จะเห็นถึงการเปลี่นแปลงได้ค่อนข้างชัดเจน ซึ่งการฉีดโบกราม ไม่เหมาะกับการแก้ไขปัญหา กรามใหญ่จากกระดูก แต่จะเหมาะกับผู้ที่มีความต้องการ ดังนี้
- มีกล้ามเนื้อบริเวณกล้ามเยอะ
- ต้องการให้กล้ามเนื้อกรามดูลดลงอย่างเป็นธรรมชาติ
- ต้องการลดขนาดกล้ามเนื้อกรามโดยไม่ต้องการทำศัลยกรรม
- ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและโดยเร็ว
- ต้องการลดกล้ามเนื้อกรามโดยไม่ต้องพักฟื้น
เทคนิคการเช็คกรามเนื้อกรามง่าย ๆ ด้วยตัวเอง
- ลองกัดฟันและจับ ๆ คลำ ๆ บริเวณกล้ามเนื้อกราม หากรู้สึกว่ามีขนาดเนื้อกรามที่ดูใหญ่ นูนออกมาชัดเจน ในกรณีนี้ สามารถฉีดโบลดกล้ามเนื้อกราม เพื่อปรับให้หร้าเรียวได้
- ถ้าลองกัดฟันแล้วบริเวณกรามแข็ง และพยายามจะขยับออกในกรณีนี้ หมายถึงมีขนาดกรามใหญ่มาจากสาเหตุกระดูกกราม เคสแบบนี้จะไม่เหมาะกับการฉีดโบลดกล้ามเนื้อกราม
- แต่หากกัดฟัน และลองจับบริเวณกราม แล้วพบว่าบริเวณกรามส่วนนั้นมีความนิ่ม อาจจะเป็นเพราะไขมัน ตรงบริเวณแก้มนั้นเยอะจนเกินไป ซึ่งในเคสลักษณะนี้ อาจจะเหมาะกับการฉีดเมโสแฟต เพื่อปรับรูปหน้า
- และเมื่อลองกัดฟัน และสัมผัสบริเวณกราม ไม่พบกล้ามเนื้อกรามส่วนเกิน และไม่พบว่าเกิดจากไขมันสะสม อาจจะเป็นเพราะมีรูปหน้าสั้น คางตัด เคสที่มีลักษณะนี้เหมาะกับการปรับรูปหน้า ด้วยการฉีดฟิลเลอร์คาง เพื่อให้รูปหน้าดูเรียวยาวมากขึ้น
การฉีดโบลดกรามเนื้อกรามอยู่ได้นานแค่ไหน ?
หลาย ๆ คนอาจจะเกิดคำถามว่า การฉีดโบลดกล้ามเนื้อกราม 1 ครั้ง จะให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน ? ซึ่งการฉีดโบลดกรานั้น จะเห็นผลลัพธ์ภายใน 2 สัปดาห์ ในช่วงแรกที่ฉีด กล้ามเนื้อกรามจะเริ่มนิ่มลง แต่กรามจะยังไม่ยุบลงในทันที จะค่อย ๆ ยุบลงและเห็นการเปลี่ยนแปลงในช่วง 1 เดือน และในการฉีด 1 ครั้งจะให้ผลลัพธ์นานประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับแบรนด์ที่ฉีด และการดูแลตัวเอง หลังจากที่ฉีดโบไปแล้ว

ผลข้างเคียงหลังฉีดโบลดกล้ามเนื้อกราม
- หน้าตาตก มุมปากตกชั่วคราว ยิ้มเบี้ยว เพราะเกิดจากการฉีดโบลดกล้ามเนื้อกรามผิดตำแหน่ง หรือ ตัวยานั้นกระจายไปยังกล้ามเนื้อที่ไม่ต้องการ
- รอยแดง รอยเขียว บวมช้ำ ตรงบริเวณตรงที่ฉีด เกิดจากการบวมช้ำเข็มจะสามารถพบได้ทั่วไปหลังฉีดค่ะ
- หน้าแข็งตึงมากจนเกินไป จะพบได้ในกรณีที่ใช้ตัวยาในปริมาณที่มากเกินความเหมาะสม
- หลังฉีดโบลดกล้ามเนื้อกรามจะรู้สึกตึงๆ เป็นอาการที่เกิดขึ้นตามปกติและสามารถหายเองได้ อาการผลข้างเคียง ข้างต้นที่ได้กล่าวไป เป็นอาการที่สามารถมีโอกาสเกิดขึ้นได้แต่ไม่อัตรายถึงชีวิต
ฉีดโบลดกรามปลอดภัยแค่ไหน ?
ในการฉีดโบกราม หรือการเสริมความงาม การทำศัลยกรรม หรือทำโปรแกรมเสริมความงาม จะต้องเลือกเข้ารับบริการกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และเข้ารับบริการกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน ที่ใช้ตัวยาที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อย.ไทย มีการนำเข้าตัวยาอย่างถูกต้อง เพื่อการเสริมความงามที่เน้นความปลอดภัยของเคสเป็นหลัก และยังไม่ต้องเสี่ยงกับการที่จะต้องเจอยาปลิม ยาหิ้ว หรือหมอกระเป๋า ซึ่งจะทำให้เกิดความเสี่ยง ที่จะเกิดอาการข้างเคียง หรือเกิดอันตรายกับร่างกายได้นั่นเอง