ต้นแขนใหญ่ ลดยังไง ? อยากมีแขนเรียวเล็ก แบบไม่ต้องผ่าตัด

มีสาว ๆ หลายคนที่กำลังมีปัญหา เรื่องสัดส่วนร่างกาย ที่ดูไม่สมส่วน โดยเฉพาะปัญหา ต้นแขนใหญ่ และหลาย ๆ คนเองก็คงจะลองหาวิธี ลดขนาดต้นแขน เพื่อให้ได้แบนที่เรียวเล็กดูสมส่วน ซึ่งคำแนะนำส่วนใหญ่ ก็จะเป็น ท่าออกกำลังกายลดต้นแขน หรือการควบคุมอาหาร แต่เมื่อทำแล้วก็อาจจะได้ผลลัพธ์ ที่ไม่เห็นถึงการเปลี่ยนแปลง หรืออาจจะต้องใช้เวลานาน กว่าจะเห็นผลอย่างชัดเจน ดังนั้นทางเลือกใหม่ สำหรับการลดต้นแขน ที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้ ก็คือ การฉีดสลายไขมัน หรือ การฉีดเมโสแฟตต้นแขน เป็นการกำจัดไขมันสะสมได้อย่างตรงจุด ปลอดภัย และเห็นผลได้ในระยะอันรวดเร็ว

การมี ต้นแขนใหญ่เกิดจากกอะไร ?

ต้นแขน เป็นอีกบริเวณหนึ่งของร่างกาย ที่เกิดการสะสมของไขมันส่วนเกิน ไว้ค่อนข้างมากพอ ๆ กับในส่วนของต้นขา และหน้าท้อง ในบางเคสอาจจะเป็นคนที่มีหุ่นผอมบาง แต่ก็มีต้นแขนที่ใหญ่ จนทำให้ขาดความมั่นใจ ไม่กล้าใส่เสื้อเปิดแขน ซึ่งสาเหตุของการที่มีขนาดต้นแขนใหญ่ ที่ต้องรู้นั้นมีดังนี้

• โซเดียม : การรับประทานที่มีโซเดีม เป็นส่วนประกอบ ในปริมาณที่มากเกินไป ทำให้ร่างกายเกิดอาการบวมน้ำ อาการบวมนี้จะส่งผลไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะใบหน้า ต้นแขน ต้นขา และเมื่อร่างกายได้รับโซเดียมมากขึ้น ก็ส่งผลต่อการที่ร่างกาย จะเก็บไขมันสะสมได้มากขึ้น ทำให้ต้นแขน ต้นขา ใหญ่ขึ้นได้นั่นเอง
• ไขมันส่วนเกินสะสม : สัดส่วนของร่างกายเรา จะเพิ่มขึ้นตามน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรอบเอว ต้นแขน ต้นขา สะโพก เพราะไขมันจะไป เกาะตามชั้นผิวตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งบริเวณที่กล่าวถึง เป็นส่วนที่ไขมันสะสมอยู่มากที่สุด และยังเป็นส่วนที่ลดไขมันส่วนเกิน ได้ยากมากที่สุดด้วย การออกกำลังกายก็ช่วยได้ไม่มากนัก
• กรรมพันธุ์ : การมีสัดส่วนร่างกายอย่างเช่น ต้นแขนใหญ่ ต้นขาใหญ่ ก็มีส่วนมาจากพันธุกรรม ทำให้รูปร่างดูไม่สมส่วน และถ้าหากมีการสะสมของไขมันตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเพิ่มเข้าไปอีก ก็ยิ่งจะทำให้ต้นแขน ต้นขา ดูใหญ่มากกว่าปกติได้เช่นกัน

ต้นแขนใหญ่ ลดยังไง ? เพื่อให้แขนเรียวเล็กสมส่วน

ทางเลือกที่สามารถลดไขมันได้ และเริ่มทำได้เลยก็คือ การออกกำลัง แต่จะต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน และต้องมีวินัยใน การควบคุมอาหาร ควบคู่ไปด้วย จึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลง มีสัดส่วนร่างกาย ที่สมส่วนมากขึ้น การออกกำลังกาย คู่ไปกับการควบคุมอาหาร จะช่วยทำให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญ สลายไขมันส่วนเกินออก  ซึ่งในการลดไขมัน ที่บริเวณต้นแขนนั้นทำได้ค่อนข้างยาก ในบางเคสอาจจะพบว่าน้ำหนักลด แต่สัดส่วนไม่ได้ลดตาม ดังนั้นอาจจะต้อง มีการออกกำลังกายอย่างถูกวิธี เพื่อให้ไขมันบริเวณต้นแขนถูกสลายออก ในปัจจุบันมีทางลัด สำหรับการสลายไขมันสะสมเฉพาะส่วน ที่ปลอดภัย และไม่ใช่การผ่าตัด หรือการดูดไขมัน นั่นก็คือ การฉีดสลายไขมัน หรือ การฉีดเมโสแฟต

การฉีดเมโสแฟตต้นแขน

การฉีดแฟตเพื่อสะสลายไขมันส่วนเกินที่ต้นแขน มีส่วนช่วยให้แขนกระชับและเรียวเล็กลงได้ ทำให้ดูดีอย่างเป็นธรรมชาติได้ในระยะเวลาไม่นาน การฉีดเมโสแฟต จะมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อย ในตอนที่เข็มเข้าสู่ที่ผิว โดยในการฉีดเมโสแฟต แพทย์จะฉีดลงไปในชั้นผิว ที่ความลึกประมาณ 5-10 มิลลิเมตร ในขณะที่แพทย์ฉีด จะต้องเว้นระยะห่างในแต่ละจุด ประมาณ 2 เซนติเมตร ทำให้จะมีความรู้สึกตึง ๆ หน่วง ๆ ซึ่งการฉีดเมโสแฟตในลักษณะนี้ จะกระจายตัวยาได้ดี ช่วยทำให้ไขมันส่วนเกินแตกตัว และสลายตัวได้ดีขึ้น แต่ในขั้นตอนก่อนการฉีด จะมีการประคบเย็นหรือแปะยาชา ซึ่งในส่วนนี้จะช่วยลดความกังวลและความเจ็บไปได้บ้าง

ผลลัพธ์จากการฉีดเมโสแฟตต้นแขน

การฉีดเมโสแฟตต้นแขนแต่ละครั้งอาจจะใช้ตัวยาปริมาณ 10-20 cc ขึ้นอยู่กับการประเมิณของแพทย์ หลังจากฉีดเมโสแฟตประมาณ 1-2 สัปดาห์ จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน โดยจะรู้สึกถึงความกระชับ ของต้นที่ที่ทำการฉีดเมโสแฟตไป ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันของแต่ละคน ในการฉีดเมโสแฟตจะต้องมีการกลับมาฉีดซ้ำ ตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งจำนวนครั้งที่เหมาะสมจะอยู่ที่ประมาณ 4-5 ครั้งแล้วแต่เคส ผลลัพธ์ในการทำแต่ละครั้งจะอยู่ได้นาน 2-3 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลและพฤติกรรมการกินของแต่ละคนด้วย

ฉีดแฟตต้นแขนเหมาะกับใครบ้าง ?

• เหมาะกับคนที่มีปัญหา ไขมันสะสมอยู่ที่ต้นแขน
• เหมาะกับคนที่ต้องการลด สัดส่วนแขนให้เรียวสวย
• เหมาะกับสาว ๆ ที่มีอาชีพนางแบบ หรือคนที่ต้องการโชว์แขนเรียวสวยอย่างมั่นใจ
• เหมาะกับคนที่อยากลดแขน โดยไม่ต้องออกกำลังกายหนัก ๆ
• เหมาะกับคนที่อยากลดแขนโดยไม่ต้องผ่าตัด

การฉีดเมโสแฟต เพื่อสลายไขมันสะสมที่บริเวณต้นแขน นอกจากจะช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินแล้ว ในตัวยาเมโสแฟตยังมีส่วนช่วยทำให้ ผิวบริเวณที่ฉีดนั้นกระชับขึ้นด้วย ไม่ต้องเป็นกังวลว่า หลังจากการสลายตัวของไขมันแล้ว แขนจะย้วย หรือหลังทำเมโสแฟตแล้วจะมีผิวหย่อนยาน แต่อาการข้างเคียงที่สามารถพบได้หลังจากการฉีดเมโสแฟตก็คือ อาการบวมช้ำ หรืออาจจะรู้สึกเจ็บตรงบริเวณต้นแขนเล็กน้อย อาการบวมช้ำจะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปริมาณไขมันของแต่ละเคสด้วย และอาการข้างเคียงเหล่านี้จะหายได้เองใน 1-3 วัน