
ฟิลเลอร์ เติมจุดไหนดี? นิยม ฉีดฟิลเลอร์ บริเวณไหนบ้าง?
พฤษภาคม 12, 2023
ฉีดฟิลเลอร์ เติม ขมับตอบ ปรับรูปหน้าให้หวานละมุน
พฤษภาคม 17, 2023ริ้วรอย สัญญาณแห่งวัย เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ค่อนข้างยาก ซึ่งสร้างความกังวลใจได้มากพอ ๆ กับ ปัญหารูปหน้า ที่ไม่ได้สัดส่วน รูปหน้าที่มีการเปลี่ยนแปลง มีการยุบตัวเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ถ้าหากว่าคุณกำลังมองหาวิธีจัดการกับปัญหาเหล่านี้ เราขอแนะนำ หัตถการด้านความงาม ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเวลานี้ นั่นก็คือ ฟิลเลอร์ กับ โบ ซึ่งจะเป็นการแนะนำว่าควรเลือกฉีดอย่างไร ให้เหมาะกับปัญหาผิวตามช่วงวัยของคุณ เพื่อให้แก้ไขปัญหาบนใบหน้าได้อย่างตรงจุด
เลือกฉีด ฟิลเลอร์ กับ โบ ให้เหมาะกับช่วงวัย และปัญหาผิว
การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย และปัญหาผิวในแต่ละวัยนั้นแตกต่างกัน และความรุนแรงของปัญหาผิวก็แตกต่างกันด้วย ยิ่งอายุมากขึ้น การเสื่อมสภาพของผิวก็ลงลึกมากขึ้น จึงต้องมีการเลือกโปรแกรมความงามให้เหมาะกับปัญหาผิวในแต่ละช่วงวัยนั่นเอง
ช่วงวัย 20 ปี
อายุในช่วงวัย 20 ปี จะพบปัญหาผิว หรือริ้วรอยบนใบหน้าค่อนข้างน้อย แต่ถ้าหากอยากปรับรูปหน้า สามารถเลือกทำได้ทั้งการฉีดฟิลเลอร์คาง เพื่อให้หน้าเรียวยาวขึ้น หรือถ้าเป็นคนที่มีเนื้อกรามใหญ่ ก็สามารถฉีดโบกราม ทำให้หน้าเล็กลงได้ หรือถ้าในช่วงอายุ 20 ปี เริ่มมีริ้วรอยรอบ ๆ ดวงตา หรือหน้าผากก็สามารถฉีดโบริ้วรอยได้
ช่วงวัย 30 ปี
ในช่วงวัย 30 ปี จะพบกับปัญหาความชุ่มชื้นของผิวลดลง และผิวไม่กระชับเพราะคอลลาเจนเสื่อมสภาพ และมีการสร้างใหม่น้อยลง สามารถแก้ปัญหาผิวได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว และเติมเต็มให้ผิวอิ่มฟู กระชับ นอกจากนี้ยังพบปัญหาริ้วรอยบริเวณรอบ ๆ ดวงตา หน้าผาก สามารถจัดการกับริ้วรอยเหล่านี้ได้ด้วยการฉีดโบริ้วรอย หรือถ้าพบปัญหาใต้ตาหมองคล้ำ ก็แก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ใหเใบหน้าสดใส ดูอ่อนกว่าวัยลงได้

ช่วงวัย 40 ปี
ในช่วงอายุตั้งแต่ 40 ขึ้นไป ปัญหาผิวที่พบได้บ่อย คือ ผิวมีความแห้งกร้านเป็นอย่างมาก โครงสร้างของใบหน้ามีการเปลี่ยน ริ้วรอยบนใบหน้าสังเกตเห็นได้ชัดมากขึ้น ร่องแก้ม หรือร่องน้ำหมากก็ลึกขึ้น และบางคนอาจจะพบกับปัญหาแก้มตอบ ซึ่งปัญหาผิวของคนในวัยนี้ ต้องเลือกการฉีดฟิลเลอร์เพื่อคืน Volme ให้กับชั้นผิว และเติมเต็มร่องลึก เพื่อคืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า และอาจจะใช้โบริ้วรอย เพื่อจัดการกับริ้วรอยบริเวณหางตา
ช่วงวัย 50 ปี
เป็นวัยที่เห็นถึงความหย่อนคล้อยของใบหน้าได้อย่างชัดเจน ริ้วรอยที่บริเวณหน้าผาก หางตา ร่องลึกอย่างร่องแก้ม หรือร่องน้ำหมาก ผิวขาดความยืดหยุ่น ไม่กระชับ โครงสร้างใบหน้ามีการยุบตัว ขมับยุบ ดวงตาดูลึก ใบหน้าไม่สดใส ในวัยนี้ต้องแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อเติมเต็มชั้นผิว ให้ผิวแน่นฟู ยกกระชับ คืน Volume ให้กับใบหน้า แก้ไขริ้วรอยและร่องลึก ทำให้ใบหน้าดูเด็กลงกว่าเดิม
ทำไมอายุมากขึ้น จึงไม่ควรฉีดโบกราม
จากทั้งหมดจะเห็นว่า เมื่อมีอายุมากขึ้นโครงสร้างใบหน้า จะเกิดการเปลี่ยนแปลง กระดูกบนใบหน้ามีการยุบตัวลง ทำให้รูปหน้าเปลี่ยน การแก้ไขปัญหาเหล่านี้ต้องแก้ด้วย การฉีดสารเติมเต็ม อย่างฟิลเลอร์ และจะสังเกตเห็นว่าการฉีดโบกรามจะไม่เหมาะกับคนที่มีอายุมาก เพราะถ้าฉีดโบกรามแล้วเนื้อกรามยุบตัวลงไป จะส่งผลทำให้ผิวหน้าหย่อนคล้อย แก้มห้อยลงมา และยังมีอีกหลายกรณีที่ไม่ควรฉีดโบกราม ดังนี้
- แก้มตอบ การแก้ไขปัญหาแก้มตอบ ควรจะฟิลเลอร์เพื่อเติมแก้มให้มี Volume มากกว่า เพราะการฉีดโบกราม จะยิ่งทำให้แก้มตอบมากกว่าเดิม ทำให้ใบหน้าดูโทรมมากกว่าเดิม
- โหนกแก้ม คนที่มีโหนกแก้มสูง หรือโหนกแก้มดูโดดเด่นที่สุดบนใบหน้า ถ้าฉีดโบกราม ให้กรามเล็กลง ก็อาจจะทำให้โหนกแก้มดูสูงมากขึ้นไปอีก การมีโหนกแก้มสูงอาจจะทำให้ใบหน้าแข็ง ไม่ละมุน และดูแก่กว่าวัย
- แก้มห้อย หรือคนที่มีมีกระเปาะแก้ม ควรแก้ไขด้วยการยกกระชับใบหน้ามากกว่า เพราะถ้าฉีดโบกราม แก้มจะยิ่งห้อย มีความหย่อนคล้อยมากกว่าเดิม
- แก้มเยอะ คนที่มีแก้มขนาดใหญ่ เกิดจากไขมันสะสม รวมถึงเหนียงที่ จะไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดโบกราม ถ้าหากอยากให้ใบหน้าเล็กลง ใบหน้ากระชับขึ้น ต้องแก้ไขด้วยการฉีดแฟตสลายไขมัน
- เนื้อกรามมีขนาดเล็ก เพราะการฉีดโบกราม จะส่งผลทำให้เนื้อกรามมีขนาดเล็กลง ถ้าเนื้อกรามน้อยอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นที่จะต้องฉีดโบกราม อาจจะปรับรูปหน้าด้วยหัตถการอื่น ๆ แทน

ในบางครั้งคนเราอาจจะไม่ได้มี ปัญหาบนใบหน้าแค่จุดเดียว แต่มีความกังวลหลายจุด ทั้งริ้วรอย ทั้งความหมองคล้ำใต้ตา หรือต้องการปรับรูปหน้าให้เรียว ต้องการให้ใบหน้ายาวได้สัดส่วน ก็สามารถเลือกฉีดได้ทั้งฟิลเลอร์ และโบได้ โดยต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้แพทย์เป็นผู้ประเมินปัญหาผิว ปัญหาบนใบหน้า เพื่อให้การแก้ไข ได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด เป็นที่น่าพอใจมากที่สุดนั่นเอง แต่การฉีดฟิลเลอร์ และการฉีดโบ จะไม่ให้ผลลัพธ์อย่างถาวร จะอยู่แค่เพียงระยะเวลาหนึ่ง จึงจำเป็นต้องกลับไปฉีดซ้ำ เพื่อไม่ให้ใบหน้ากลับไปมีริ้วรอยแบบเดิม