
ฟิลเลอร์ Midface คืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า
เมษายน 9, 2023
5 สิ่งที่คนทั่วไปมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการ ฉีด Filler
เมษายน 19, 2023การใช้ ฟิลเลอร์แบบฉีด Injectable Dermal Filler เป็นการฉีดสารเติมเต็มเข้าไปในชั้นผิว เพื่อแก้ไขปัญหาความบกพร่องของผิว ทั้งริ้วรอย ร่องลึก รวมไปถึงผิวบริเวณที่ยุบตัวอย่างขมับ และแก้มตอบ การฉีดฟิลเลอร์ที่ปลอดภัย และผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อย.ไทย จะเป็นการใช้สารเติมเต็มในกลุ่มของ Hyaluronic Acid (HA) หรือ กรดไฮยาลูโรนิค ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับกรดไฮยาลูโรนิคที่พบได้ในผิวของมนุษย์
ฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid
ฟิลเลอร์ที่เป็น Hyaluronic Acid (HA) หรือ กรดไฮยาลูโรนิค เป็นสารชนิดเดียวกันกับที่ร่างกายของมนุษย์สร้างขึ้นได้เองตามธรรมชาติ ซึ่งกรดไฮยาลูโรนิค คือ โมเลกุลน้ำตาล ที่เรียกว่า Polysaccharide ที่พบในชั้นผิวหนัง เนื้อเยื่อตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย มีหน้าที่ในการรักษาระดับความชุ่มชื้น และความเต่งตึงของผิว และยังพบว่า HA ยังเป็นประกอบส่วนสำคัญของกระดูกอ่อนตามข้อต่อของร่างกายอีกด้วย ซึ่งทำหน้าที่ช่วยหล่อลื่น เพื่อไม่ให้ข้อต่อเสียดสีกัน
การใช้ฟิลเลอร์ที่เป็น HA จึงทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้น้อยมาก มีความปลอดภัยต่อร่างกาย และสามารถสลายตัวได้หมด ไม่เหลือสิ่งตกค้างในร่างกาย และฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยม และผ่านมาตรฐานจาก อย.ไทย จะมีอยู่ 5 แบรนด์ ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็จะมีหลายรุ่นให้เลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพผิวในบริเวณที่ต้องการฉีด

- Juvederm ฟิลเลอร์คุณภาพสูงจากอเมริกา ที่มีกระบวนการผลิตฟิลเลอร์มากถึง 2 เทคโนโลยี นั่นก็คือ Hylacross Technology และ Vycross Technology โดยฟิลเลอร์จะแบ่งออกเป็นหลายรุ่น และในแต่ละรุ่นจะมีส่วนผสมของยาชา เวลาฉีดจึงไม่รู้สึกเจ็บ จุดเด่นของ Juvederm คือเนื้อฟิลเลอร์อุ้มน้ำได้ดี มีความยืดหยุ่นสูง
- Restylane ฟิลเลอร์จากสวีเดน เป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดอันดับ 1 และเป็นแบรนด์ที่ผลิตฟิลเลอร์มาอย่างยาวนานกว่า 26 ปี และใช้เทคโนโลยีในการผลิต 2 เทคโนโลยีด้วยกัน คือ NASHA techology และ OBT technology ทำให้ขนาดโมเลกุลของฟิลเลอร์มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ช่วยลดริ้วรอย ร่องลึก บนผิวหน้าได้เป็นอย่างดี
- Neuramis ฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลี จุดเด่นของฟิลเลอร์ตัวนี้คือ เนื้อฟิลเลอร์มีคุณภาพระดับพรีเมี่ยม เทียบเท่ากับแบรนด์อื่น สามารถเติมเต็มได้เกือบทุกจุดบนใบหน้า ไม่จับตัวเป็นก้อน และฟิลเลอร์สามารถคงตัวอยู่ได้นาน ด้วยกระบวนการทำงาน Cross-linking 2 ระดับ
- Yvoire ฟิลเลอร์คุณภาพสูงจากประเทศเกาหลี ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท LG Chem ซึ่งความโดดเด่นของฟิลเลอร์แบรนด์นี้คือ เนื้อฟิลเลอร์ผลิตด้วยเทคโนโลยี HICE Technology ที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ ทำให้ฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง สามารถยึดเกาะได้ยาวนาน และแบรนด์ก็ได้มีการออกแบบ Syring ให้โค้งรับกับมือ แพทย์จึงฉีดได้อย่างสะดวก ดันยาและขึ้นรูปได้ง่าย
- E.P.T.Q. ฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลี เป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมมากอีกหนึงแบรนด์ เพราะเทคโนโลยีการผลิตแบบ ZEEP technology ที่ทำให้เนื่อฟิลเลอร์มีความเข้มข้นสูง และมีโครงสร้างแบบรวงผึ้ง เนื้อฟิลเลอร์จึงมีความหนืด ยืดหยุ่น และมีความเสถียรสูง ทำให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นธรรมชาติ
ฟิลเลอร์ที่ไม่ใช่ Hyaluronic Acid
ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มของ HA หรือไม่มี HA เป็นส่วนประกอบ มักจะผลิตขึ้นจากวัสดุสังเคราะห์ และจะอยู่ในชั้นผิวได้นานกว่าฟิลเลอร์ที่เป็นกรดไฮยาลูโรนิค บางชนิดอาจจะอยู่ได้นานมากถึง 2 ปี หรืออาจจะนานกว่านั้น
- ฟิลเลอร์กึ่งถาวร จะผลิตขึ้นจากวัสดุสังเคราะห์ เช่น แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์, กรดโพลีแลกติก, โพลีเมทิลเมทาคริเลต (PMMA) และโพลีอัลคิลลิไมด์ (Polyakylimide) เมื่อฉีดไปแล้วจะคงตัวอยู่ได้นานถึง 2 ปี แต่ความปลอดภัยจะน้อยกว่าฟิลเลอร์แบบ HA
- ฟิลเลอร์ถาวร จะเป็นวัสดุประเภทซิลิโคนเหลว พาราฟิน ทั้งนี้รวมไปถึงคอลลาเจนจากสัตว์ด้วย เมื่อก่อนนิยมใช้ แต่หลังจากฉีดกลับสร้างปัญหาในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการไหลของฟิลเลอร์ การจับตัวเป็นก้อน การเป็นพังผืด ปัจจุบันฟิลเลอร์ถาวรไม่ผ่าน อย.ไทย และถือว่าเป็นฟิลเลอร์ปลอม เพราะไม่สามารถสลายตัวได้ ซึ่งเป็นอันตราย เมื่ออยู่ในผิวอย่างถาวร จะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงได้
- ไขมัน การเติมไขมันตัวเอง ก็ถือว่าเป็นฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็มชนิดหนึ่งเช่นกัน ซึ่งเป็นแบบชั่วคราว เช่นเดียวกับฟิลเลอร์ที่เป็นกรดไฮยาลูโรนิค ซึ่งไขมันสามารถเติมได้หลายจุดบนใบหน้า อยู่ได้ตั้งแต่หลายเดือนไปจนถึงหลายปี แตกต่างจากฟิลเลอร์ชนิด HA ตรงที่บริเวณที่ฉีดอาจจะไม่สม่ำเสมอ ไม่สามารถฉีดสลายได้ และต้องเจ็บตัวจากการดูดไขมัน

การเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก ดังนั้นจึงต้องเลือกใช้ฟิลเลอร์ประเภท กรดไฮยาลูโรนิค ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทย เพื่อการแก้ไขปัญหาริ้วรอย บนใบหน้า และต้องฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
เพราะบนใบหน้ามีจุดสำคัญด้วยกันหลายตำแหน่ง ถ้าหากฉีดพลาดไปโดนเส้นเลือด และเส้นประสาทได้ ส่งผลทำให้เส้นเลือดอุดตัน เนื้อเยื่อในบริเวณนั้นขาดเลือดหรือได้รับเลือดไม่เพียงพอ จนเกิดอาการเนื้อตาย การฉีดฟิลเลอร์ผิดตำแหน่งอาจจะทำให้ตาบอดได้ และในกรณีที่ร้ายแรงที่สุดก็จะทำให้เกิดอาการช็อก และเป็นอันตรายถึงชีวิตได้