
เลเซอร์รักแร้ เผยผิวเนียนใสใต้วงแขนได้อย่างมั่นใจ
กุมภาพันธ์ 24, 2023
ฉีดฟิลเลอร์ปาก แล้วเป็นก้อน แก้ไขยังไงดี ?
มีนาคม 2, 2023ในปัจจุบันมีวิธีการ รักษาฝ้า อยู่หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติ การทำทรีทเม้นต์ หรือการทำหัตถการ ทางการแพทย์ และในแต่ละวิธี ก็จะใช้ระยะเวลาในการรักษา แตกต่างกันออกไป รวมไปถึงระยะเวลา ที่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง ก็แตกต่างกันออกไปด้วย ซึ่งในครั้งนี้ทาง Ticha Clinic จะมาแนะนำวิธี การรักษาฝ้า ที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจน และปลอดภัย สำหรับผู้ที่มีปัญหา ฝ้า กระ รวมไปถึงจุดด่างดำอื่น ๆ บนใบหน้า และวิธีการดูแลตัวเอง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดฝ้าบนใบหน้า
ฝ้าแบบไหนที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
การ รักษาฝ้า ที่ปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน

ฝ้าเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
สาเหตุหลัก ๆ ของการเกิดฝ้า คือ “แสงแดด” เพราะแสงแดด เป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายสร้าง เม็ดสีเมลานิน ขึ้นมามากจนทำให้เกิด อนุมูลอิสระ ในร่างกาย ซึ่งจะส่งผลทำให้เกิดฝ้า กระ บนผิวขึ้นได้ และรองลงมาจากแสงแดดก็คือ กรรมพันธุ์ ก็เป็นตัวที่กระตุ้นทำให้เกิดฝ้าได้เช่นกัน และยังทำให้เกิดฝ้า ได้ตั้งแต่ในช่วงที่อายุยังน้อย
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ก็มีผลต่อการเกิดฝ้า เช่น ฝ้าที่เกิดในคนที่กำลังตั้งครรภ์ ฝ้าที่เกิดในคนที่ ทานยาคุมกำเนิด หรือคนที่กำลังเข้าสู่ช่วงวัยทอง และอีกหนึ่งปัจจัย ที่มีผลต่อการเกิดฝ้า เลยก็คือ ความเครียด ทำให้ฮอร์โมนในร่างกาย ไม่สมดุล จนไปกระตุ้นการผลิตเม็ดสี เมลานินมากจนสะสม และเกิดเป็นฝ้า กระ จุดด่างดำ ความหมองคล้ำ ทำให้ดูโทรมไม่สดใส
ฝ้ามีกี่แบบ ?
- ฝ้าตื้น : ฝ้าที่เกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสี และลำเลียงเม็ดสีขึ้นสู่ผิวที่ชั้นหนังกำพร้า ฝ้าตื้นจะมีลักษณะเป็นสีน้ำตาลเข้มไปจนถึงสีดำ มีขอบเขตของการเกิดฝ้าที่ชัดเจน
- ฝ้าลึก : ฝ้าชนิดนี้จะเกิดอยู่ที่ใต้ชั้นผิวหนัง เป็นผิวชั้นลึกกว่าชั้นผิวหนังกำพร้า จึงไม่สามารถสังเกตเห็นขอบเขตของการเกิดฝ้าได้อย่างชัดเจน ฝ้าในชั้นลึกจะทำให้มองเห็นฝ้าเป็นสีเทา สีน้ำตาลอมฟ้า หรือสีน้ำตาลอมม่วง ซึ่งเป็นสิ่งที่รักษาได้ยาก
ฝ้าแบบไหนที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
ฝ้าที่เกิดขึ้นบนใบหน้าไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่เนื่องจากว่าฝ้านั้นเกิดขึ้นบนบริเวณใบหน้า จึงส่งผลต่อความมั่นใจ และการใช้ชีวิตซะเป็นส่วนใหญ่ หลาย ๆ คนที่กำลังเผชิญกับปัญหา ฝ้า รวมไปถึงจุดด่างดำต่าง ๆ บนใบหน้า จึงคิดหาวิธีการต่าง ๆ มาจัดการกับฝ้า แต่บางครั้งการซื้อครีม หรือสกินแคร์มาทาเอง โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก็เป็นเรื่องที่อันตราย เพราะอาจเป็นสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพ หรือมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นกรดสูง ที่ผลัดผิวจนแห้ง และทำให้ผิวบางลง ครั้งนี้เราจะมาแนะนำวิธีการรักษาฝ้าที่เหมาะสม เพื่อผลลัพธ์ที่ดี และปลอดภัย
การ รักษาฝ้า ที่ปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน
การฉีดสลายฝ้า หรือที่เรียกว่า เมโสฝ้า จะใช้ตัวยาที่มีส่วนผสมของวิตามินจำพวก วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี และวิตามินอี หรืออาจจะเป็น Transamin (ทรานซามิน) ไปจนถึงกลูต้าไธโอน ในการฉีดจะฉีดตัวยาลงเข้าสู่ผิวชั้นหนังแท้ (Dermis) ซึ่งจะช่วยควบคุมการทำงานของเม็ดสีให้ลดลง และยังช่วยชะลอการกระจายตัวของฝ้าอีกด้วย
ผลลัพธ์หลังจากการฉีดสลายฝ้า จะสังเกตเห็นได้ว่ารอยฝ้าจางลง ใบหน้าดูกระจ่างใสมากขึ้น สีผิวดูสม่ำเสมอ เรียบเนียน และการฉีดสลายฝ้ายังเป็นการรักษาที่เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงได้ในระยะเวลาสั้น ๆ เป็นการรักษาฝ้าที่ปลอดภัย ขั้นตอนในการฉีดจะใช้เวลาไม่นาน หลังทำเสร็จสามารถกลับบ้านได้ทันที ไม่ต้องมีการพักฟื้น ผลพลอยได้จากการฉีดเมโสฝ้านั้นยังช่วยทำให้ระบบไหลเวียนเลือดนั้นทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย
Tranexamic acid
Tranexamic acid หรือที่รู้จักกันในชื่อทรานซามิน ตัวยาสามารถละลายในน้ำได้ โดยปกติแล้วจะถูกนำมาใช้สำหรับป้องกันภาวะเลือดออกอย่างรุนแรง, ป้องกันภาวะเลือดไหลไม่หยุดในระยะเวลาสั้น ๆ หรือป้องกันเลือดออกผิดปกติในระหว่างการผ่าตัดได้ นอกจากนี้ทรานซามินยังสามารถยังยั้ง ลดการสร้างเม็ดสี melanin ได้จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้แพทย์ผิวหนังนำ ทรานซามินมาใช้ในการรักษาฝ้า
สำหรับการใช้ Tranexamic acid แพทย์จะนำมาฉีดบนใบหน้า ซึ่งพบว่าการฉีดจะช่วยรักษา เม็ดสีเมลานินบนผิวหน้าให้ดีขึ้นได้มากถึง 85% โดยจะต้องใช้เวลาในการรักษาต่อเนื่องนาน 3 เดือน ผลลัพธ์ที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับก่อนการรักษา จะพบว่ารอยฝ้าลดลง ข้อจำกัดสำหรับการใช้ทรานซามิน คือเป็นยาอันตราย สามารถเกิดอาการข้างเคียงได้ ไม่ว่าจะเป็น อาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดหัว หรืออ่อนเพลีย ไม่มีแรง ดังนั้นการใช้ยาจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น
เมื่อแพทย์ทำการฉีดสลายฝ้า จะมีอาการบวมตรงบริเวณที่แีดเล็กน้อยห หลังจากนั้นต้องรอเวลาให้ตัวยาซึมเข้าสู่ผิว อาการบวมจะหายได้เองหลังจากที่ฉีดไปแล้วเป็นเวลาประมาณ 1-3 วัน สำหรับการเปลี่ยนแปลงนั้นสามารถสังเกตได้หลังจราก 3 วันผ่านไปแล้ว และจะสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน เห็นผลเต็มที่หลังจากที่ฉีดไปแล้วประมาณ 7-14 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลด้วย และการรักษาจะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 1 เดือนแรกควรฉีดสลายฝ้าสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ถ้าผิวมีสุขภาพที่ดีขึ้นจากนั้นควรฉีด 2-3 ครั้งต่อเดือน