
จมูกเบี้ยว แกนคด เสริมจมูกได้ไหม ?
กุมภาพันธ์ 12, 2023
ใครบ้างที่ห้าม ฉีด Rejuran ? ฉีดแล้วเป็นอันตรายไหม ?
กุมภาพันธ์ 19, 2023ฝ้า จุดด่างดำ ที่เกิดขึ้นบนใบหน้ามีสาเหตุ มาจากการทำงานของเม็ดสีเมลานิน Melanin ที่ผิดปกติ อาจเกิดได้จากการกระตุ้นของรังสี UV การรับประทานยาคุมกำเนิด พันธุกรรม รวมไปจนถึงการแพ้เครื่องสำอางบางชนิด ซึ่งฝ้าเป็นปัญหาผิวพรรณ ที่มักจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงซะเป็นส่วนใหญ่ เมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยอายุ 30 ปี จะเริ่มสังเกตุเห็นปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ บนผิวหน้าได้ชัดขึ้น ดังนั้นใครที่กำลังเจอกับปัญหาผิวเหล่านี้อยู่ จำเป็นจะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษาฝ้า เพื่อให้คุณเผยผิวหน้ากระจ่างใส และใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
ฝ้า (Melasma)
สาเหตุของการเกิดฝ้า
ชนิดของฝ้าทั้ง 3 ประเภท
ฝ้ากับกระเหมือนกันไหม ?
ทรานซามิน (Tranexamic Acid)
ประโยชน์ของทรานซามิน

ฝ้า (Melasma)
ฝ้าบนใบหน้า เกิดจากการที่เมลานิน (Melanin) หรือเม็ดสีมีมากเกินไป บนบริเวณใบหน้า จึงทำให้ผิวหนังบริเวณนั้น มีรอยสีน้ำตาลเข้ม หรือบางครั้งก็อาจจะพบว่าเป็นรอยสีดำ หรือที่เรียกว่า Hyperpigmentation (ไฮเปอร์พิกเม้นเทชั่น) ซึ่งรอยนั้นอาจจะเป็นกระจุก หรือเป็นเข้มเป็นปื้นได้ และจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และข้อมูลที่น่าสนใจเป็นอย่างมากก็คือ ฝ้า นั้นพบได้ในผู้หญิง มากกว่าผู้ชาย และผู้หญิงที่เป็นฝ้าส่วนใหญ่ จะอยู่ในช่วงวัยกลางคน หรืออายุประมาณ 30-40 ปี
สาเหตุของการเกิดฝ้า
สาเหตุของการเกิดฝ้า จะมาจากการที่เซลล์ผิวของเราอ่อนแอ หรือเสื่อมสภาพลง ผิวโดนทำร้ายจากรังสี UV จากแสงแดด ซึ่งรังสี UVA จะส่งผลต่อการเกิดฝ้า ได้มากกว่ารังสี UVB เป็นเพราะรังสี UVA มีความยาวคลื่นที่มากกว่า จึงสามารถทะลุลงไปถึง ชั้นเซลล์ผิวทำให้เซลล์ผิว และคอลลาเจนเสื่อมสภาพ เกิดการผลิตเม็ดสีเมลานิน ที่มากเกินไป การกระจายตัวของเม็ดสี ไม่สม่ำเสมอ เกิดเป็นรอยฝ้า บนผิวที่บริเวณใบหน้า ไม่เพียงแค่แสงแดดเท่านั้น ที่กระตุ้นทำให้เกิดฝ้า แต่ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่าง ที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพลงได้ไม่ว่าจะเป็น แสงที่สว่างจ้าจากหลอดไฟ หน้าจอคอมพิวเตอร์
การสัมผัสความร้อน จากการทำเลเซอร์บริเวณผิวหน้า หรือเกิดจากสารเคมีในเครื่องสำอาง ที่มีผลต่อการแพ้ และกระตุ้นให้เม็ดสีเมลานินบนผิว เกิดการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น หรือการทานยาคุมกำเนิด และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ขณะกำลังตั้งครรภ์ก็ล้วนเป็นปัจจัย ที่ทำให้เกิดฝ้าได้ ทั้งนี้กรรมพันธุ์ ก็มีผลต่อการเกิดฝ้าเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะคนที่มีผิวเข้ม มีโอกาสเกิดฝ้าได้ง่ายกว่าคนผิวขาวอีกด้วย
ชนิดของฝ้าแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่
- ฝ้าตื้น (Epidermal type) : ฝ้าตื้นจะเกิดขึ้นบริเวณผิวที่ชั้นหนังกำพร้า จะเห็นเป็นสีน้ำตาลเข้มไปจนถึงสีเทาดำ จะเห็นขอบเขตชัดเจน สังเกตเห็นได้ชัดเนื่องจากเกิดขึ้นที่บริเวณเซลล์ผิวชั้นบน
- ฝ้าลึก (Dermal type) : ฝ้าลึกจะเกิดขึ้นที่บริเวณผิวที่ชั้นหนังแท้ ลึงลงไปใต้ชั้นหนังกำพร้า จะสังเกตเห็นฝ้ามีสีน้ำตาลอ่อน สีเทา หรือสีเทาอมฟ้า จะไม่เห็นขอบเขตของฝ้าที่ชัดเจน เพราะฝ้าจะกลืนไปกับผิวหน้าเป็นบริเวณกว้าง
- ฝ้าผสม (Mix type) : จะเกิดฝ้าทั้งฝ้าตื้นและฝ้าลึกร่วมกันบนบริเวณใบหน้า
ฝ้ากับกระเหมือนกันไหม ?
สิ่งที่เหมือนกัน ระหว่างฝ้าและกระก็คือ ทั้งสองอย่างเกิดจากการที่เซลล์เม็ดสี ทำงานมากเกินปกติ แตกต่างกันตรงที่มีปัจจัยกระตุ้น มาจากคนละสาเหตุกัน เม็ดสีที่สร้างออกมาก็ อยู่ในชั้นผิวคนละชั้นกัน ทำให้รูปร่างหน้าตาของฝ้าและกระมีความแตกต่างกันด้วย ฝ้า จะมีลักษณะเป็นปื้นและมีขนาดใหญ่กว่า ส่วน กระ จะมีลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ และกระจะมีสาเหตุหลัก ๆ มาจากพันธุกรรม จะเกิดในคนผิวขาวโดยส่วนใหญ่
ทรานซามิน (Tranexamic Acid)
ทรานซามิน หรือ กรดทราเนซามิค (Tranexamic Acid) เป็นสารที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นมาเพื่อเลียนแบบกรดอะมิโนที่มีชื่อว่า ไลซีน ทรานซามินจะถูกใช้เพื่อลดอาการตกเลือด หรือเลือดออกมาก นอกจากจะช่วยเรื่องการห้ามเลือดแล้ว ผลข้างเคียงจากการใช้ทรานซามิน คือ จะเกิดจากการยับยั้งเอนไซม์ที่เป็นตัวไปสร้างเม็ดสี ด้วยเหตุนี้เอง ทรานซามินจึงถูกนำมาใช้ในการรักษาฝ้า
โดยเฉพาะการฉีดสลายฝ้า ทรานซามิน จะทำให้เม็ดสี รอยดำ อย่างเช่นฝ้า กระ ค่อย ๆ จางลงอย่างต่อเนื่อง ในระยะเวลา 2 สัปดาห์ ถ้าหากต้องการให้เม็ดสีจางลงอย่างเห็นผลได้ชัดมากกว่าปกติ ควรกลับมาฉีดรักษาซ้ำในทุก ๆ 2 สัปดาห์ และถ้าหากทำร่วมกับการทำเลเซอร์จะยิ่งเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้น หลังจากที่ฉีดสลายฝ้าไปแล้วต้องหลีกเลี่ยงแสงแดด และควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
ประโยชน์ของทรานซามิน
- ช่วยในการยับยั้งการผลิตเม็ดสีผิว ส่งผลทำให้ผิวขาว ช่วยลดฝ้า กระ และจุดด่างดำ
- ช่วยในการห้ามเลือด ในกรณีที่ห้ามเลือดด้วยวิธีปกติแล้วไม่ได้ผล
- ช่วยลดอาการเลือดออกสำหรับสาวๆ ที่มีภาวะประจำเดือนมามากผิดปกติ
- ช่วยลดอาการเลือดออกมากระหว่างผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัด ที่ไม่สามารถห้ามเลือดด้วยวิธีปกติไม่ได้
- ช่วยรักษาอาการเลือดออกในช่วงระยะเวลาสั้นๆ และช่วยในการป้องกันเลือดออกผิดปกติระหว่างการผ่าตัด
หลังจากที่ทำการฉีดสลายฝ้าไปแล้ว เพื่อป้องกันการเกิดฝ้าซ้ำอีก การหลีกเลี่ยงแสงแดดจึงเป็นสิ่ที่ควรทำมากที่สุด ทั้งการเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อป้องกันรังสี UVA และ UVB และต้องบำรุงผิวโดยการรับประทานอาหาร เช่น อาหารที่มีสารสกัดจากมะเขือเทศ (ไลโคปีน) การทานอาหารที่มีส่วนประกอบของเบต้าแครอทีน สารอาหารเหล่านี้จะทำหน้าที่ปกป้องเซลล์ผิวใต้ชั้นผิวหนังจากการทำลายของรังสี UV และยังทำให้ผิวแข็งแรงได้อีกด้วย