รู้ไหม ? ว่าผู้ชาย มีโอกาสผมบาง หรือ ” หัวล้าน ” มากกว่าผู้หญิง นั่นเป็นเพราะฮอร์โมนเพศชายที่เรียกว่า เทสโทสเตอโรน ที่มีอยู่ในกระแสเลือด ซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็น ฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) และจะส่งผลต่อเซลล์ผม ทำให้ผมที่เกิดขึ้นใหม่ นั้นมีขนาดเล็กลง ผมบางลง และเซลล์ผมนั้นจะตายไปในี่สุด ถึงแม้ว่าฮอร์โมนเพศชาย จะเป็นต้นเหตุของหัวล้าน แต่การดูแลเส้นผมตามช่วงอายุที่ไม่เหมาะสม ก็เป็นสาเหตุ ที่ทำให้ผมบาง ศีรษะล้าน ได้เช่นกัน

การดูแลเส้นผมที่เหมาะสมตามช่วงอายุ

ในช่วงอายุตั้งแต่ 20-30 ปี

• จะเป็นช่วงอายุ ที่มีผมสุขภาพดี เส้นผมแข็งแรง ผมหนา ดกดำ เงางาม เพราะยังมีรากผมที่แข็งแรงอยู่ การดูแลเส้นผม ของคนในช่วงอายุ 20-30 ปี จึงมีไม่มาก นอกจากการทำความสะอาดเส้นผมให้ดีื การทานอาหารที่ช่วยบำรุงเส้นผม เช่น โปรตีน วิตามินบี สังกะสี
  

ช่วงอายุ 30-40 ปี

• ฮอร์โมนเพศชาย ในร่างกายเริ่มจะส่งผลต่อเซลล์ผม ทำให้ผมเส้นเล็กลง บางลง และในบางรายที่มีพันธุกรรมศีรษะล้าน ก็จะเริ่มเห็นได้ชัดในช่วงวัย 30-40 ปี นอกจากนี้ อาการผมร่วง ผมบางยังสามารถเกิดได้ จากภาวะความเครียด อาการป่วย รวมไปถึงการที่น้ำหนักลด การดูแลเส้นผมที่เหมาะสม ต้องรักษาความสะอาดของเส้นผม พร้อมกับทานอาหารเสริมบำรุงเส้นผม และควรมีการทำทรีทเม้นต์สำหรับเส้นผมโดยเฉพาะ เข้ามาช่วย แต่ถ้าหากว่าดูแลเส้นผมแล้วไม่ดีขึ้น ศีรษะดูล้านเกินกว่าจะบำรุง ให้กลับมามีผมสุขภาพดีได้ยาก ก็อาจจะต้องปรึกษาแพทย์ ถึงแนวทางการรักษา ทั้งการทำ PRP และการปลูกผมถาวร
  

ช่วงอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป

• จะเป็นช่วงที่ร่างกายต้องเผชิญกับทั้งความเครียด การทำงานที่เปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ไปจนถึง การที่ไม่ได้มีเวลาดูแลตัวเอง มากเท่าที่ควร ก็จะส่งผลทำให้มีสภาพเส้นผม ที่ค่อนข้างย่ำแย่ ผมไม่ดกดำ และเงางามเหมือนก่อน และจะเริ่มมีผมขาว หรือผมหงอก แซมขึ้นมาบ้างแล้ว การดูแลผมอาจจะต้องมีการย้อมผม เพื่อปิดผมขาว และในบางรายที่ผมร่วงมากจน หัวล้าน การปลูกผม ก็เป็นวิธีหนึ่งในการฟื้นคืนเส้นผมให้ดกดำ และเงางาม

การปลูกผมด้วย เทคนิก FUE ไม่ต้องพักฟื้น

การปลูกผมเป็นทางออกของปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน ที่ดีและค่อนข้างปลอดภัย ให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติ หลักของการปลูกผมโดยทั่ว ๆ ไปคือการย้ายรากผมจากด้านหลังศีรษะ ไปปลูกที่บริเวณที่ผมบางหรือศีรษะล้าน ในปัจจุบันการปลูกผมถาวรด้วยเทคนิก FUE (Follicular Unit Hair Transplant) นั้นเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะในขั้นตอนการปลูกผมมีแผลขนาดเล็ก และใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับการปลูกผมด้วยวิธีอื่น ๆ นอกจากนี้การปลูกผมด้วยเทคนิก FUE นี้ยังสามารถนำไปใช้กับส่วนอื่น ๆ ได้อีกด้วย ทั้งบริเวณ คิ้ว หนวดเครา

ในการปลูกผมด้วยเทคนิก FUE จะมีขั้นตอน ดังนี้

• แพทย์จะใช้เครื่องมือพิเศษที่เป็นหัวเจาะโลหะไทเทเนียม หัวเจาะขนาดเล็กซึ่งจะมีขนาดเพียง 0.8-1.0 มิลิเมตรเท่านั้น
• แพทย์จะใช้เครื่องมือเจาะเอาเซลล์รากผมที่แข็งแรงและสมบูรณ์จากบริเวณด้านหลังศีรษะ โดยจะทำการเจาะกอผมทีละกอ และในหนึ่งกอจะมีเซลล์รากผมอยู่ประมาณ 1-4 เส้น
• การเลือกใช้เซลล์รากผมที่บริเวณด้านหลังศีรษะนั้นเป็นเพราะว่า จำนวนกอผมมีจำนวนมากและเพียงพอที่จะนำไปปลูกได้มากกว่าบริเวณอื่น ๆ บนศีรษะ
• เมื่อได้เซลล์รากผมที่แข็งแรงตามที่ต้องการแล้ว แทย์จะนำเซลล์รากผมที่ได้มาปลูกในตำแหน่งใหม่ และปลูกตามทิศทางของเส้นผมที่ออกแบบไว้
• หลังจากที่ปลูกผมไปแล้วเป็นระยะเวลาหนึ่ง ดซลล์รากผมที่นำมาปลูกจะยึดติดกับเนื้อเยื่อบริเวณรอบ ๆ วิธีนี้จะทำให้ผมที่ปลูกขึ้นใหม่มีความแข็งแรง และที่สำคัญเลยก็คือมองไม่เห็นรอยแผลเป็น
• ผมที่เกิดขึ้นมาใหม่จากการปลูกผมด้วยเทคนิก FUE จะอยู่อย่างถาวร ไม่หลุดร่วง และแก้ไขปัญหาผมบาง ศีรษะล้านได้อย่างตรงจุด

การปลูกผมด้วยเทคนิก FUE เหมาะกับใครบ้าง ?

• เหมาะกับผู้ที่มีปัญหา เกี่ยวกับผมร่วง ที่มีอาการผมร่วงเยอะแบบผิดปกติ จนผมบางและศีรษะล้านในที่สุด
• เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับรูปหน้า โดยการปลูกผม เพื่อให้มองเห็นกรอบหน้าที่ชัดเจนขึ้น
• ผู้ที่ต้องการมีผมที่หนา ดกดำ ต้องการมีผมที่สุขภาพดี เส้นผมแข็งแรง
• ผู้ที่มีปัญหา ผมบาง ศีรษะล้าน แต่ไม่มีเวลาสำหรับการพักฟื้นหลังจากการผ่าตัด
• ผู้ที่มีปัญหาศีรษะล้านเป็นวงกลมที่บริเวณกลางศีรษะ หรือผู้ที่มีแผลเป็นบริเวณศีรษะก็สามารถใช้การปลูกผมด้วยเทคนิก FUE ช่วยได้

จะเห็นได้ว่าปัญหาผมร่วง ผมบาง นั้นมีโอกาสเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศ เพราะปัจจัยต่าง ๆ ทั้งฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง การใช้ยา อาการป่วย ที่มาพร้อมกับช่วงอายุที่มากขึ้น ซึ่งการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเส้นผม ด้วยการปลูกผมนั้น สิ่งที่สำคัญมาก ๆ เลยก็คือ ในการปลูกผมด้วยเทคนิกด้วยเทคนิก Follicular Unit Hair Transplant หรือ FUE นั้นจำเป็นที่จะต้อง ใช้เครื่องมือที่ทันสมัย และในทุก ๆ ขั้นตอนจะต้องดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น