อย่างที่ทราบกันดีว่าการบำรุงผิว หรือการใช้สกินแคร์เพื่อฟื้นฟูผิว เป็นวิธีการที่ทำแล้วเห็นผลลัพธ์ช้า และค่อนข้างใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน นวัตกรรมด้านความงามสมัยใหม่จึงมีการคิดค้นหัตถการที่จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องผิวแบบเร่งด่วน เห็นผลได้เร็วกว่าการทาครีมบำรุงแบบทั่ว ๆ ไป ซึ่งวิธีที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันก็คือ การฉีดเมโส หน้าใส และสกินบูสเตอร์ตัวใหม่ที่มาแรงที่สุดในเวลานี้ก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก L’ebss หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า ฉีดหน้าชาแนล ที่จะให้ผลลัพธ์ผิวฉ่ำแบบสาวเกาหลี

การฉีดเมโส หน้าใส

เมโส หรือเมโสหน้าใส จริง ๆ แล้วเป็นชื่อเรียกย่อ ๆ ของคำว่า เมโสเทอราปี (Mesotherapy) เป็นการฉีดวิตามิน หรือสารอาหารที่จำเป็นต่อการบำรุงผิว ทั้งแร่ธาตุต่าง ๆ รวมถึงกรดอะมิโน เข้าสู่ผิวหนังโดยตรง ซึ่งจะฉีดลงไปถึงบผิวหนงัชั้นกลาง โดยทั่ว ๆ ไปแล้วการทำเมโสหน้าใสจะมีด้วยกันหลายสูตร มีด้วยกันหลายแบรนด์ โดยหลัก ๆ จะมีด้วยกัน 3 สูตรดังนี้ 

• หน้าขาวใส : เน้นไปที่บำรุงผิวหน้าให้ขาวใส ตัวยาจะมีส่วนผสมของวิตามินที่ช่วยให้ผิวขาวขึ้น เช่น วิตามิน A B C และ E ทรานซามิน กลูตาไธโอน
• หน้าใส : เน้นบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น กระชับรูขุมขน ตัวยาจะมีส่วนผสมของ คอลลาเจน และโคเอนไซม์ เป็นหลัก
• ลดสิว : ลดสิว ลดผื่น ลดอาการแพ้ของผิว ส่วนใหญ่ที่ใช้จะเป็น มาเด้ คอลลาเจน มีตัวยาที่จะช่วยลดการอักเสบ ดีท็อกซ์สารพิษออกจากผิว

การฉีดชาแนล หรือสกินบูสเตอร์ (Skin Booster) ตัวใหม่ล่าสุดจากเกาหลีจะช่วยแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด ทั้งยังมีส่วนประกอบที่จะช่วยทำให้ใบหน้าขาวใส ปรับสมดุลผิว ทำความสะอาดผิว แก้ปัญหาผิวเสื่อมสภาพ ริ้วรอย จุดด่างดำ ลดอาการแพ้ของผิว  และยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวฉ่ำวาว ไปจนถึงช่วยกระชับรูขุมขน ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน จะเห็นได้ว่าการฉีดชาแนลสามารถบำรุงรักษา แก้ไขปัญหาผิวหน้าได้อย่างครอบคลุม

ส่วนประกอบของชาแนล L’ebss

ในการฟื้นบำรุงผิวให้กลับมามีสุขภาพดี ทั้งการบำรุงผิวที่คล้ำเสีย ผิวที่มีความเหี่ยวย่น ผิวอ่อนแอ จำเป็นจะต้องมีการใช้ตัวยาที่มีส่วนประกอบที่ซับซ้อน เพื่อใช้ในการกระตุ้นการทำงานของไฟโบรบลาสต์ ที่จะทำให้ผิวได้รับการฟื้นฟูและกลับมามีสุขภาพดีอีกครั้ง และส่วนประกอบของ L’ebss หรือชาแนลซีรีส์ 2 จะมีดังนี้

• Pink Yeast : น้ำยีสต์สีชมพู จะช่วยทำความสะอาดผิว ปรับค่า pH ของผิวให้มีความสมดุล และคงความสมดุลของผิว ทำให้ผิวเปล่งปลั่งกระจ่างใส
• เปปไทด์ 14 ชนิด : เปปไทด์ทั้ง 14 ชนิดช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้กับผิว
• ไฮยาลูรอน : ให้ความชุ่มชื้นกับผิวอย่างล้ำลึก และช่วยคงความชุ่มชื้นของผิวเอาไว้
• กรดอะมิโน : ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
• กลูตาไธโอน : ช่วยกำจัดสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย

การฉีดชาแนล หน้าใส จะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผิวที่แข็งแรงดูสุขภาพดี และยังเหมาะผู้ที่มีปัญหาผิว ดังนี้

• ผิวแห้ง ผิวขาดความชุ่มชื้น
• ผิวหน้าหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส ผิวหน้าไม่สม่ำเสมอ
• ผู้ที่ใช้ครีมบำรุงผิวแล้ว ไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
• ผิวเสื่อมสภาพจากการพักผ่อนน้อย นอนดึก นอนไม่เพียงพอ
• ปัญหาผิวที่มีจุดด่างดำ สิว ฝ้า กระ
• ปัญหาริ้วรอยบนผิวหน้า
• ผิวแพ้ง่าย อยากฟื้นฟูผิวเพื่อให้มีผิวที่แข็งแรงขึ้น

ข้อจำกัดในการฉีดชาแนล และการทำเมโส คือ จะมีคนบางกลุ่มที่ไม่สามารถบำรุงฟื้นฟูผิวด้วยวิธีการนี้ได้ เช่น กลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือด ความดันไม่ปกติ โรคที่เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ รวมไปถึงผู้ที่เคยมีอาการแพ้วิตามิน คนที่มีอาการผิวผิวหนังอีกเสบ ผิวหนังติดเชื้อ หรือแม้กระทั่งเป็นสิวอักเสบรุนแรง ก็ไม่ควรฉีดเมโส ทั้งนี้ในคนที่กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตรก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน

สิ่งสำคัญสำหรับการฉีดชาแนลหน้าใสคือ การเข้ารับบริการที่สม่ำเสมอ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน เห็นถึงการเปลี่ยนแปลง และเพื่อมีผิวสุขภาพดีในระยะยาว ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องมีเวลามาฉีดหน้าในช่วงแรกอาจจะต้องทำซ้ำทุก 1 สัปดาห์ และหลังจากนั้นจึงทำทุก ๆ 2-4 สัปดาห์ เพราะถ้าหากขาดการรักษาอย่างต่อเนื่องก็อาจจะทำให้ผลการรักษาไม่เป็นที่น่าพอใจได้

การดูแลตัวเองเพื่อให้ผิวสวยสุขภาพดีหลังจากการฉีดชาแนล

ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ควรปรับเวลานอนให้เร็วขึ้นเพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินจากการฉีดชาแนลได้ดีขึ้น เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้น

งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ เพราะทั้งสองอย่างนี้เป็นต้นเหตุที่ทำให้ผิวอ่อนแอ

หลีกเลี่ยงการออกไปเจอแสงแดด การทำกิจกรรมกลางแจ้ง โดยเฉพาะช่วงเวลา 48 ชั่วโมงหลังจากที่ฉีดชาแนลไปแล้ว

ควรทาครีมกันแดดเป็นประจำโดยเลือกใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 50+

หลังจากที่ฉีดหน้าใสไปแล้ว งดทาครีมบำรุงก่อนนอนทุกชนิดเป็นเวลา 1 คืน

หลังจากที่ฉีดหน้าใสไปแล้วงดการกดนวดบริเวณใบหน้า

ดื่มน้ำสะอาดให้มาก ๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด เพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมของวิตามิน