
ฉีด มาเด้ แล้วทำไมยังมีสิวหรือผดผื่น?
ธันวาคม 7, 2022
เสริมซิลิโคนแบบไหนที่เสี่ยงทำ จมูกทะลุ
ธันวาคม 15, 2022ในวันนี้เราจะพาคุณไปความรู้จักกับฟิลเลอร์แบรนด์แรก ๆ ที่มีการผลิตมาอย่างต่อเนื่องยาวนานมากที่สุดของโลก โดยมีอายุกว่า 26 ปี นั่นก็คือ Restylane (เรสทิเลน) ที่เริ่มผลิตเมื่อปี ค.ศ. 1996 ในประเทศสวีเดน เรสทิเลนเป็นฟิลเลอร์พรีเมี่ยมที่ได้รับความไว้วางใจจากคนทั่วโลก จนทำให้มียอดขายสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก
ฟิลเลอร์เรสทิเลนถูกทดสอบมากถึง 50 ล้านทรีทเม้นต์ในกว่า 80 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้เรสทิเลน ยังมีเทคโนโลยีในการผลิตฟิลเลอร์ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะถึง 2 แบบด้วยกัน เพื่อให้ฟิลเลอร์มีคุณสมบัติที่แก้ไขได้ทุกปัญหาผิว และยังใช้ได้อย่างครอบคลุมกับทุกสภาพผิว

Restylane
ผลิตภัณฑ์จากเรสทิเลน จะเป็นเนื้อเจลใสที่สามารถย่อยสลายได้ในทางชีวภาพ หรือสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ เพราะเนื้อเจลใสที่เรามองเห็นจะประกอบด้วยกรดไฮยาลูโรนิก Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งทำหน้าที่เหมือนกรดไฮยาลูโรนิกที่ร่างกายผลิตขึ้นได้เองตามธรรมชาติ ทำให้มีความปลอดภัยสูง ไม่เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง ฟิลเลอร์เรสทิเลน จึงถูกนำมาใช้ฉีดเพื่อทดแทนและฟื้นฟูริ้วรอย รอยพับที่เกิดขึ้นบนใบหน้าตั้งแต่ระดับปานกลาง ไปจนถึงระดับที่รุนแรง เมื่อฉีดแล้วจะให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และคงตัวอยู่ได้อย่างยาวนาน
เรสทิเลน มีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตฟิลเลอร์มาอย่างต่อเนื่อง และในปัจจุบันเรสทิเลนเองมีเทคโนโลยีการผลิตฟิลเลอร์ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของทางแบรนด์ด้วยกันถึง 2 เทคโนโลยี นั่นก็คือ NASHA techology และ OBT technology ที่มีความโดดเด่นในด้านชนาดโมเลกุลของฟิลเลอร์ ซึ่งทำให้ฟิลเลอร์ในแต่ละตัวมีคุณสมบัติแตกต่างกัน เพื่อให้สามารถเลือกใช้ได้อย่างหลากหลาย เหมาะกับการแก้ปัญหาผิวในแต่ละจุด
NASHA techology
NASHA techology หรือ Non-Animal Stabilized Hyaluronic Acid Technology เป็นกรดไฮยารูลอนิก ที่ถูกนำมาใช้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 และยังคงใช้กันอย่างแพร่หลายใน 70 ประเทศทั่วโลก ซึ่งการผลิตฟิลเลอร์ด้วยเทคโนโลยีนี้จะโดดเด่นเรื่องของขนาดเนื้อเจล ใหญ่ เล็ก ไม่เท่ากันในแต่ละรุ่น และคุณสมบัติในการดึงโมเลกุลของน้ำเข้ามากักเก็บไว้กับตัวฟิลเลอร์ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว เนื้อเจลจะมีความใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด มีความคงตัวและยังขึ้นรูปได้ดี เหมาะสำหรับใช้กับคนที่มีผิวดูสุขภาพดี มีพื้นฐานผิวที่ดีอยู่แล้ว สำหรับฟิลเลอร์เรสทิเลนที่อยู่ในกลุ่ม NASHA techology จะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 รุ่นดังนี้

- รุ่น Vital Light : เรสทิเลน ไวทอล ไลท์ เป็นฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของยาชา มีขนาดโมเลกุลที่เล็กที่สุด อนุภาคบางเบา และมีความนิ่มมากที่สุด เหมาะสำหรับการแก้ไขผิวในจุดที่มีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นการเติมที่บริเวณใต้ตาเพื่อเติมเต็มร่องน้ำตา ลดรอยคล้ำใต้ตา หรือใช้เติมเต็มหลุมสิวให้ดูตื้นขึ้น และยังถูกนำเอามาใช้เป็น Skin Booster ให้ผิวกระจ่างใสอีกด้วย รุ่น Vital Light สามารถคงตัวอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน
- รุ่น Vital : เรสทิเลน ไวทอล มีส่วนผสมของยาชาเช่นกัน ฟิลเลอร์มีเนื้อเจลลักษณะที่ค่อนข้างนิ่ม สามารถเกลี่ยได้ง่าย เหมาะกับการนำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาริ้วรอย ตื้น ๆ เช่น เติมเต็มในส่วนของหน้าผาก หลุมสิว หรือบริเวณหลังมือให้ดูอ่อนเยาว์ เพราะฟิลเลอร์รุ่นนี้จะช่วยปรับความชุ่มชื้นให้กับผิว ปรับสภาพผิวได้เป็นอย่างดี ทำให้ผิวฉ่ำวาวดูสุขภาพดี รุ่น Vital สามารถคงตัวอยู่ได้นานประมาณ 8-12 เดือน
- รุ่น Classic : เรสทิเลน คลาสสิค ฟิลเลอร์รุ่นนี้มีส่วนผสมของยาชา เนื้อเจลจะมีความนิ่มอยู่ในระดับปานกลาง คือไม่แข็งและไม่นิ่มจนเกินไป และยังมีอนุภาคที่ใหญ่ เหมาะสำหรับแก้ไขปัญหาผิวบริเวณร่องตื้น ๆ เช่น ใช้ฉีดเพื่อเติมเต็มบริเวณร่องแก้มตื้น ๆ ร่องน้ำหมาก ริมฝีปาก หรือรอยขมวดคิ้ว และยังได้เก็บรายละเอียดบริเวณใต้ตาในผิวชั้นลึก รุ่น Classic สามารถคงตัวอยู่ได้นานประมาณ 8-12 เดือน
- รุ่น Lyft : เรสทิเลน ลิฟ เป็นฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของยาชา เนื้อเจลค่อนข้างแข็งแรงที่สุด เพราะมีแรงยกกระชับที่ค่อนข้างสูง มีความคงตัวสูง ทำให้สามารถคงรูปได้ดี ฟิลเลอร์รุ่นนี้เหมาะสำหรับนำมาใช้ฉีดเพื่อเพิ่มมิติให้กับใบหน้า เช่นฉีดที่บริเวณแก้ม ขมับ และยังถูกนำมาฉีดที่บริเวณใต้ตา จมูก คาง รุ่น Lyft สามารถคงตัวอยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
OBT Technology
OBT Technology หรือ Optimal Balance Technology เป็นเทคโนโลยีการผลิตฟิลเลอร์ของ Restylane ที่เกิดขึ้นภายหลังเทคโนโลยีการผลิตแบบ NASHA Technology ที่จะเน้นถึงคุณสมบัติของฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่น มีโครงสร้างแบบตาข่าย สามารถปรับรูปทรงได้หลากหลาย เพื่อใช้แก้ไขปัญหาบนใบหน้าในแต่ละจุดได้อย่างเหมาะสม และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ฟิลเลอร์เรสทิเลนที่ผลิตจากเทคโนโลยี OBT Technology เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางและเป็นผลิตภัณฑ์ที่แพทย์จากทั่วโลกเลือกใช้ และจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 รุ่นดังนี้
- รุ่น Refyne : เรสทิเลน รีไฟน์ ฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของยาชา เนื้อเจลเป็นโมเลกุลขนาดเล็ก มีความนิ่มและสามารถยืดหยุ่นได้ดี ทำให้เกลี่ยได้ง่าย เหมาะสำหรับใช้แก้ปัญหาผิวตั้งแต่ริ้วรอยขนาดเล็กไปจนถึงการเติมเต็มร่องลึกให้ดูตื้นขึ้น และบริเวณที่มีการขยับอยู่เสมอ เช่น บริเวณร่องแก้ม หรือร่องมุมปาก รุ่น Refyne เหมาะกับผู้ที่มีผิวบาง เพราะเนื้อเจลจะกลืนไปกับผิวได้ดี และสามารถคงตัวอยู่ได้นานประมาณ 8-12 เดือน
- รุ่น Volyme : เรสทิเลน วอลิ่ม ลักษณะเนื้อเจลของฟิลเลอร์ผสมยาชารุ่นนี้มีลักษณะที่นิ่มปานกลาง ไม่แข็งและไม่นิ่มจนเกินไป และมีความยืดหยุ่นสูงมาก เหมาะสำหรับการนำมาฉีดในบริเวณที่ค่อนข้างขาดความยืดหยุ่น เน้นการเติมเต็ม เช่น ใต้ตา ขมับ บริเวณแก้มตอบ ร่องแก้ม และยังเหมาะสำหรับใช้ในผู้ที่ค่อนข้างมีอายุ เพื่อช่วยยกกระชับทำให้ผิวดูสดใสอ่อนเยาว์มากขึ้น รุ่น Volyme สามารถคงตัวอยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน
- รุ่น Defyne : เรสทิเลน ดีไฟน์ จะเป็นฟิลเลอร์ผสมยาชาที่มีเนื้อเจลความนิ่มปานกลาง มีความยืดหยุ่นสูง สามารถขึ้นรูปได้อย่างอ่อนนุ่ม เกลี่ยได้ง่ายเหมาะกับผู้ที่มีผิวบาง ฟิลเลอร์รุ่นนี้ส่วนใหญ่จะถูกนำมาใช้ฉีดเพื่อเติมเต็มแก้ม แก้ปัญหาแก้มตอบและเติมคางให้ดูละมุนเป็นธรรมชาติ ใช้ฉีดเพื่อยกกระชับและปรับโครงสร้างใบหน้า รุ่น Defyne สามารถคงตัวอยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน
- รุ่น Kysse : เรสทิเลน คิส เป็นฟิลเลอร์ผสมยาชารุ่นพิเศษ เพราะออกแบบมาให้มีเนื้อเจลที่นิ่ม ละเอียด มีความยืดหยุ่นสูง และสามารถคงตัวได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับนำไปใช้ฉีดที่บริเวณปากโดยเฉพาะ ตัวฟิลเลอร์จะช่วยสร้างขอบริมฝีปากให้ชัดเจนขึ้น ช่วยเพิ่มความอวบอิ่มให้กับริมฝีปากดูสวยเป็นธรรมชาติ ทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และปรับสีปากให้ดูสดใสขึ้นอีกด้วย รุ่น Kysse สามารถคงตัวอยู่ได้นานประมาณ 12เดือน
สำหรับฟิลเลอร์ Restylane ราคา ของแต่ละรุ่นจะมีความแตกต่างกันไม่มากเท่าไรหนัก โดยจะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 8,000 บาทไปจนถึงราคา 22,000 บาท เราสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสม เพราะว่า ฟิลเลอร์เรสทิเลน ผลิตออกมาหลายรุ่น ในแต่ละรุ่นให้คุณสมบัติที่แตกต่างกัน ทั้งหมดสามารถแก้ไขปัญหาผิวหน้า ปรับโครงสร้างใบหน้าได้อย่างตรงจุดและครอบคลุม ถ้าหากว่าต้องฉีดฟิลเลอร์ก็อยากให้นึกถึง เรสทิเลน และสิ่งที่จะพลาดไม่ได้เลยก็คือ การฉีดกับแพทย์เฉพาะทางอย่างถูกต้อง ไม่ฉีดกับหมอกระเป๋า เพราะเสี่ยงที่จะเจอกับฟิลเลอร์ปลอมได้สูง