
เช็คลิสท์ 4 อาการที่พบบ่อย หลังทำจมูก
ธันวาคม 7, 2022
ฉีด มาเด้ แล้วทำไมยังมีสิวหรือผดผื่น?
ธันวาคม 7, 2022หลาย ๆ คนอาจจะยังสับสนว่า ใบหน้าของตัวเอง เหมาะกับหัตถการแบบไหน ? ต้องฉีดอะไรระหว่าง โบ กับ แฟต ก่อนเข้าพบคุณหมอ เพื่อรับคำแนะนำ เราลองมารีเช็คกันว่า ปัญหาบนใบหน้ามี จุดใดบ้างที่ยังมีความกังวล เพื่อจะได้เลือกหัตถการที่ใช่ เหมาะกับใบหน้าของเรา และแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ซึ่งในบทความนี้ยังได้รวบรวม เอาข้อมูลเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่แตกต่างของการฉีดโบ และฉีดแฟตสลายไขมัน ซึ่งจะช่วยทำให้คุณตัดสินใจเลือกโปรแกรมความงามได้ง่ายมากขึ้น

Bo
Bo เป็นตัวยาที่มาจากธรรมชาติ เป็นโปรตีนบริสุทธิ์สกัดจากแบคทีเรียชนิดหนึ่ง เมื่อฉีดเข้าไปแล้วตัวยาจะจับตัวกับปลายเส้นประสาทที่เชื่อมต่อกับกล้ามเนื้อ มีคุณสมบัติที่ทำให้กล้ามเนื้อหยุดทำงานชั่วคราว ทำให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นคลายตัว ส่งผลให้การทำงานของกล้ามเนื้อในส่วนนั้นลดลง และยังช่วยลดริ้วรอยได้อีกด้วย ในการเสริมความงามมักจะนำโบมาฉีดที่บริเวณกราม ฉีดที่บริเวณกรอบหน้า หน้าผาก หางตา หรือแม้กระทั่งใช้ฉีดเพื่อยับยั้บการทำงานของต่อมเหงื่อ ลดขนาดกล้ามเนื้อแขน และกล้ามเนื้อน่อง แต่จะนิยมนำเอาโบมาฉีดตามจุดต่าง ๆ ดังนี้
- ลดริ้วรอย : จะทำการฉีดโบเพื่อลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า ตามจุดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณหน้าผาก ระหว่างคิ้ว และรอยที่หางตา โบจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดนั้นเกิดการคลายตัว ริ้วรอยจึงลดเลือน ใบหน้าดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้นภายระยะเวลาสั้น ๆ ประมาณ 1-2 สัปดาห์
- ลิฟท์หน้า : สำหรับการลิฟท์กรอบหน้าจะฉีดโบด้วยการใช้เทคนิคพิเศษที่บริเวณกรอบหน้า เพื่อคลายกล้ามเนื้อบริเวณส่วนคอ ทำให้ดึงผิวบนใบหน้าได้น้อยลง กรอบหน้าชัดมีมิติ และยกกระชับผิวหน้า ให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น โดยส่วนใหญ่แล้วจะนิยมลิฟท์หน้า ควบคู่ไปกับการฉีดโบลดกราม
- ลดกราม : เป็นหัตถการที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากรามใหญ่ หน้าบาน เพราะการฉีด โบลดกราม จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นอ่อนแรงลง ไม่สามารถขยับกล้ามเนื้อได้บ่อย การทำงานของกล้ามเนื้อก็ลดลงด้วย ส่งผลให้กล้ามเนื้อกรามเริ่มมีขนาดเล็กลง ทำให้รูปหน้าเล็กลง ภาพรวมของใบหน้าดูเรียวขึ้น มีสัดส่วนใบหน้าที่ดีขึ้น
Mesofat
Mesofat คือตัวยาที่ใช้ฉีดสลายไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่เฉพาะจุด ซึ่งจะใช้ฉีดลงไปในชั้นไขมัน เป็นการลดไขมันเฉพาะจุดแบบไม่ต้องผ่าตัด เพื่อกระชับสัดส่วนของร่างกายตามต้องการ ตัวยาเมโสแฟตจะทำให้ไขมันแตกตัว หรือสลายตัว ซึ่งไขมันจะถูกขับออกทางระบบขับถ่าย เมโสแฟต สามารถใช้ฉีดได้หลายจุด เช่น ฉีดบนใบหน้าเพื่อลดแก้ม ลดเหนียง ฉีดลดต้นแขน ต้นขา น่อง สะโพก และพุงส่วนล่าง แต่ที่นิยมฉีดกันมากเลยจะเป็นการฉีดบนใบหน้า
- ฉีดเมโสแฟตเหนียง : เหนียง เกิดจากไขมันที่สะสมอยู่ที่บริเวณใต้คาง ซึ่งเป็นส่วนที่เกิดไขมันสะสมได้ง่าย เมื่อฉีดตัวยาเมโสแฟตเข้าไป ก็จะสามารถลดเซลล์ไขมันลงได้มากถึง 10-15 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด ซึ่งจะเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 1-2 สัปดาห์
- ฉีดเมโสแฟตแก้ม : แก้ม เป็นบริเวณที่เกิดไขมันสะสมได้ง่ายเช่นกัน และยังเป็นจุดที่สังเกตเห็นได้ง่าย เมื่อมีแก้มใหญ่ก็จะทำให้ภาพรวมใบหน้าดูใหญ่ไปด้วย การฉีดเมโสแฟตจะเข้าไปสลายไขมันได้ถึง 10-15 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด และจะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้หลังจาก 1-3 สัปดาห์ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันที่สะสมของแต่ละคนด้วย
โบ กับ แฟต ต่างกันอย่างไร
อย่างที่อธิบายไปแล้วจากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่ากลไกการทำงานของตัวยาระหว่างโบ กับ แฟต จะออกฤทธิ์ที่คนละส่วนกัน โดยตัวยา Bo จะเป็นโปรตีนที่ช่วยระงับการทำงานของกล้ามเนื้อในบริเวณที่ฉีด ทำให้กล้ามเนื้อฝ่อและมีขนาดเล็กลงชั่วคราวประมาณ 6-8 เดือน จึงเหมาะสำหรับปรับรูปหน้าที่มีปัญหากรามใหญ่ และใช้สำหรับแก้ไขปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า ส่วนเมโสแฟต หรือการฉีดสลายไขมัน เพื่อให้ผิวบริเวณที่ฉีดมีความกระชับขึ้นจากการที่ไขมันสะสมส่วนเกินหายไป ซึ่งจะเห็นผลอยู่ได้นานประมาณ 3 เดือน แฟตเหมาะสำหรับคนที่มีไขมันสะสมอยู่บนใบหน้า เช่นแก้มใหญ่ หรือมีเหนียงเยอะ
จะเห็นได้ว่าทั้งตัวยาของเมโสแฟต และโบเองต่างก็มีส่วนช่วยให้สัดส่วนของร่างกายมีขนาดเล็กลง เพียงแค่ต้องเลือกหัตถการให้เหมาะสม แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ทำให้ผลลัพธ์ออกมาดีและพึงพอใจมากที่สุด ทั้งนี้ทั้งนั้นก่อนเข้ารับบริการก็ต้องผ่านรับคำปรึกษา และการประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่า ใบหน้าของเราต้องแก้ในจุดไหนบ้าง และบริเวณที่ต้องการจะลด เพื่อปรับรูปหน้านั้นเป็นไขมันหรือกล้ามเนื้อที่มากกว่ากัน
และถ้าหากต้องการลดทั้งไขมันและกล้ามเนื้อ เพื่อให้ได้รูปหน้าที่สวยงาม กระชับ ไม่มีริ้วรอย กรอบหน้าชัดเจน มีมิติ สวยทุกองศา ก็สามารถทำการฉีดเมโสแฟต ควบคู่ไปกับการฉีดโบได้ นอกจากนี้เมโสแฟตยังสามารถใช้เป็นตัวช่วยในการเร่งลดสัดส่วนของร่างกายที่ลดได้ยาก หรือในกรณีที่ออกกำลังกายแล้วไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน