
วิตามินผิว Drip IV ดีอย่างไร ? ผิวขาวจริงไหม ?
พฤศจิกายน 7, 2022
Bo ปรับรูปหน้า ให้ V-Shape ได้จริงหรอ ?
พฤศจิกายน 7, 2022ปัญหาริ้วรอย ความเหี่ยวย่น สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน เมื่อมีอายุที่มากขึ้น แต่ไม่ว่าใครก็อยากดูดี และอ่อนเยาว์อยู่เสมอ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเทคโนโลยีด้านการแพทย์ ด้านการเสริมความงาม จึงมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และดูเหมือนว่า จะพัฒนาไปเรื่อย ๆ อย่างไม่สิ้นสุด ในวันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ เทคนิคการ ร้อยไหม ที่จะช่วยยกกระชับ ฟื้นฟูสภาพผิว และยังสามารถ ปรับรูปหน้า ของคุณให้ดูดีขึ้นได้ ซึ่งการร้อยไหมนี้ จะมีรายละเอียด ขั้นตอนการเตรียมตัว รวมไปจนถึงข้อดี และข้อเสียของการทำหัตถการร้อยไหม จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น สามารถติดตามได้ในบทความนี้

การร้อยไหม
การร้อยไหม เป็นหัตถการ ด้านการเสริมความงาม รูปแบบหนึ่งที่ถูกออกแบบมา เพื่อแก้ไขปัญหาริ้วรอย ที่เกิดขึ้นบนใบหน้า โดยทั่ว ๆ ไปแล้วคนที่จะเข้ารับการร้อยไหม บนใบหน้าจะมีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป เพื่อลดริ้วรอย ลดความหย่อนคล้อยบนใบหน้า ด้วยการร้อยไหมเพื่อยกกระชับใบหน้า และช่วยฟื้นฟูสภาพผิว นอกจากนี้ยังการร้อยไหม ยังสามารถช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียว หรือ ร้อยไหมจมูก ให้ดูมีมิติได้อีกด้วย หลักการของการทำเทคนิค ร้อยไหม คือ การใช้ไหมละลาย เส้นเล็กจำนวนมาก มาร้อยเป็นโครงข่าย เพื่อกระตุ้นเซลล์ให้สร้างคอลลาเจน มาพันรอบแนวเส้นไหม ทำให้เกิดการดึงรั้งผิวหน้า ส่งผลให้ผิวหน้าเต่งตึงและกระชับ
ประเภทของเส้นไหม
ไหมละลายแต่ละชนิดที่ถูกนำมาใช้ในหัตการ ร้อยไหม จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วไหมละลายที่ใช้ในทางการแพทย์ได้อย่างปลอดภัยจะทำจากวัสดุ 3 ชนิด คือ PDO (Polydioxanone), PLLA (Polylactic acid) และ PCL (Polycaprolactone) ไหมละลายเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวบริเวณที่ร้อยไหมกระชับขึ้นแข็งแรงขึ้นด้วย โดยแพทย์จะเลือกชนิดของเส้นไหมให้เข้ากับการแก้ไขปัญหาเฉพาะจุดของผู้รับบริการ ดังนี้
- ไหมก้างปลา : เส้นไหมจะมีลักษณะเป็นเงี่ยงไหมซี่เล็กเรียงตัวรอบ ๆ ไหมชนิดนี้สามารถยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย แก้ปัญหาร่องน้ำหมากและร่องแก้ม
- ไหมทอร์นาโด : เส้นไหมจะมีขนาดใหญ่ และมีลักษณะของเงี่ยงไหมกางออกจากเส้นไหมรอบทิศทางแบบ 360 องศา เส้นไหมชนิดนี้สามารถยกกระชับได้ดี
- ไหม Mint : เส้นไหมมีขนาดใหญ่ ลักษณะของเงี่ยงไหมจะมีความพิเศษตรงที่เป็นการหล่อขึ้นมาแบบ 3 มิติ สามารถเกาะกับชั้นผิวได้แน่น ยกกระชับได้ดี เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาความหย่อนคล้อย หรือมีแก้มเยอะ และยังได้รับการรับรองจากหลากหลายประเทศทั่วโลก
- ไหมโครงตาข่าย Tesslift : เป็นเส้นไหมที่เกิดจากนวัตกรรมล่าสุด จะมีลักษณะที่ชั้นนอกจะคลุมด้วยตาข่าย ด้านในจะเป็นเส้นไหมขนาดใหญ่ที่มีเงี่ยงแบบหล่อรอบทิศทาง ไหมชนิดนี้ออกแบบมาเพื่อเพิ่มคุณสมบัติในการยึดเกาะผิว กระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว และได้รับการรับรองจากหลากหลายประเทศทั่วโลกอีกด้วย
- ไหมเกลียวล็อค : ลักษณะของเส้นไหมจะเรียบ ไม่มีเงี่ยง มักถูกนำไปใช้ร้อยควบคู่กับไหมมีเงี่ยงเพื่อเป็นตัวช่วยในเรื่องของการยกกระชับ พร้อมกับช่วยทำให้ผิวอิ่มฟู ดูเต่งตึงมากขี้น

ขั้นตอนการร้อยไหม
ในขั้นตอนก่อนการทำหัตถการร้อยไหม แพทย์จะทำการทายาชาในบางตำแหน่ง ก่อนที่จะนำเส้นไหมที่อยู่ตรงปลายเข็มสอดเข้าไปยึดตามเนื้อเยื่อผิว ซึ่งรายละเอียดของวิธีการร้อยเรียงเส้นไหม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะพิจารณาตามโครงสร้างใบหน้าของผู้รับบริการเป็นหลัก ในการร้อยไหมจะใช้เวลาเพียง 20-40 นาที ในขณะที่ร้อยไหมอาจจะรู้สึกเจ็บบ้างเล็กน้อย เมื่อทำหัตการเสร็จไม่ต้องพักฟื้น ใช้ชีวิตได้ตามปติ อาจจะพบอาการบวมเล็กน้อย และสามารถพบรอยช้ำตามแนวของเส้นไหมได้บ้าง อาการเหล่านี้สามารถหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ หลังจากการร้อยไหมประมาณ 2 เดือน จะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น และเห็นผลยาวนานต่อเนื่อง 1-2 ปี หลังจากนั้นสามารถกลับมาร้อยไหมใหม่ได้อีกครั้ง
ข้อดีจาการร้อยไหม
- เป็นหัตการสามารถทำได้โดยที่ไม่ต้องวางยาสลบ แค่เพียงทายาชาเท่านั้น
- หลังจากการร้อยไหมจะเห็นผลทันที การร้อยไหม 1 ครั้งสามารถยกกระชับใบหน้าได้นานกว่า 1-2 ปี
- ไหมละลายที่ใช้ในการร้อยไหม ผ่านมาตรฐานการรับรองความปลอดภัย สามารถสลายตัวได้ ไม่มีสารตกค้างในร่างกาย
- มีแผลหรือร่องรอยหลังจากการรักษาน้อยมาก
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวยกกระชับ และยังกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดทำให้ใบหน้ามีผิวที่ดีขึ้น
- หลังจากการร้อยไหมแล้ว ผิวหน้าจะดูสดใส เปล่งปลั่งขึ้น
- การร้อยไหมจะช่วยเรื่องการยกกระชับบริเวณหน้าผาก คิ้ว แก้ม คาง คอ ได้คล้ายกับการผ่าตัดดึงใบหน้า นอกจากนี้ยังสามารถ ร้อยไหมจมูก ทำให้ใบหน้ามีมิติขึ้นด้วย
- การร้อยไหมจะช่วยให้ผิวตึงกระชับ เหมือนผิววัยสาว
- การร้อยไหมจะช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ที่ไม่สามารถแก้ไขได้จากการฉีด Filler หรือ Laser
- ไหมละลายที่ใช้จะสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ซึ่งอยู่ได้นานที่สุดประมาณ 18-24 เดือน หรือเกือบ ๆ 2 ปี จึงไม่เกิดสารตกค้างหรือเป็นอันตรายต่อร่างกาย
ข้อควรระวัง
หลังจากทำร้อยไหมมีสิ่งที่ควรรู้ และข้อควรระวังดังนี้ คือ ระวังอาการบวมแดง หรือผื่นแดงตามแนวร้อยไหมที่เกิดจากการแพ้ไหมละลาย สิ่งที่ต้องงดหลังการทำร้อยไหมก็จะมี การงดทำลเซอร์หรือทำหัตการใด ๆ บนใบหน้าในช่วง 2 สัปดาห์แรก ไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์ หรือฉีดโบ เพราะอาจจะเกิดความเสี่ยงทั้งการติดเชื้อ หรือรอยบุ๋มที่จะเกิดขึ้นบนผิวหน้า รวมไปถึงการยกกระชับที่ไม่เท่ากันของใบหน้าทั้งสองข้าง และงดเว้นการนวดการถูใบหน้าแรง ๆ ในบริเวณที่ร้อยไหมเป็นเวลา 2 เดือน