ในปัจจุบันการศัลยกรรมเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการเสริมสร้างความมั่นใจ เสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดีของผู้คนในยุคนี้ ซึ่งการศัลยกรรมปรับแต่งรูปหน้าเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย ผู้คนทำศัลยกรรมประเภทนี้มากที่สุดจนติดอันดับ Top 5 วิธีการปรับรูปหน้าที่เจ็บตัวน้อยที่สุดก็คือ การฉีดฟิลเลอร์ และแบรนด์ฟิลเลอร์ที่คนเลือกใช้มากที่สุด 3 อันดับ คือ Juvederm, Restylane และ Neuramis ในครั้งนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับการ ฉีด Filler Neuramis ว่ามีข้อดีอย่างไรและฉีดส่วนไหนได้บ้าง

Neuramis

เพราะ Neuramis เป็นแบรนด์ฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยาของประเทศไทย (THFDA) ทั้งยังได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากลจาก EDQM (กรมควบคุมคุณภาพของยาในยุโรป) และ USFDA (องค์การอาหารและยาสหรัฐ) ปัจจุบัน Neuramis มีจำหน่ายกว่า 10 ประเทศทั่วโลก

ซึ่งฟิลเลอร์ Neuramis ที่ผ่านการรองรับจาก อย.ไทย จะมีด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่

• Neuramis Deep : เป็นฟิลเลอร์ที่ไม่มียาชาผสม เนื้อฟิลเลอร์จะเป็นเจลที่มีความแข็งปานกลาง เติมเต็มร่องรอยต่าง ๆ บนใบหน้าได้เป็นอย่างดี และทำให้ใบหน้าอิ่มฟู ซึ่งฟิลเลอร์กล่องดำตัวนี้จะสามารถอยู่ได้นานมากถึง 6-8 เดือน

• Neuramis Deep Lidocaine : คุณสมบัติของฟิลเลอร์ในรุ่น Deep Lidocaine จะไม่ได้แตกต่างจากรุ่น Deep มากนัก จะมีแค่เพียงส่วนผสมของยาชาที่เพิ่มเติมเข้ามา แต่เนื้อเจล การใช้งาน และอายุของฟิลเลอร์ยังคงเหมือนกันกับรุ่น Deep เช่นเดิม

• Neuramis Volume Lidocaine : จะเป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อเจลแข็งที่สุดเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์ Neuramis กล่องดำทั้งสองรุ่น คุณสมบัติของฟิลเลอร์รุ่นนี้จะเด่นในเรื่องของความยืดหยุ่น และความคงตัว ทำให้สามารถกลืนไปกับผิวได้เป็นอย่างดี ฟิลเลอร์กล่องสีทองตัวนี้จะมีส่วนผสมของยาชา และจะอยู่ได้นานมากถึง 12-24 เดือนเลยทีเดียว

นอกจากเรื่องมาตรฐานการรับรองด้านความปลอดภัย และประสิทธิภาพแล้ว สิ่งที่ทำให้ Neuramis กลายมาเป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมนั่นก็คือ เนื้อสัมผัสของฟิลลเลอร์ที่เป็นเจล ที่มีประสิทธิภาพในการคงตัวสูง มักถูกนำมาใช้ในการเติมเต็มส่วนของใบหน้าในชั้นที่ลึก ตัวอย่างเช่น การใช้ฟิลเลอร์ Neuramis ในการเติมขมับ คาง แก้ม และร่องแก้ม แต่ถ้าจะ ฉีด Filler Neuramis ใต้ตา อาจจะต้องเป็นใต้ตาในชั้นลึก เพราะอาจจะทำให้เกิดก้อนฟิลเลอร์ได้ รวมไปถึงเรื่องของราคาย่อมเยาว์ที่อยู่ในหลักพัน เมื่อเทียบกับฟิลเลอร์จากแบรนด์อื่นที่มีราคาในหลักหมื่น

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์

อันดับแรกเราต้องทำความเข้าใจในการศัลยกรรมใบหน้าด้วยฟิลเลอร์ก่อนว่าจุดประสงค์คือ การใช้สารเติมเต็มเพื่อการปรับรูปหน้าได้ในหลาย ๆ ตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ ขมับ คาง แก้ม และใต้ตา ทำให้การปรับรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์มีข้อดีดังนี้

• ฟิลเลอร์ช่วยปรับขนาดโหนกแก้ม ทำให้ใบหน้ามีมิติ
• ลดร่องแก้ม (Nasolabial Fold)
• ลดร่องใต้ตา (Tear trough)
• ลดริ้วรอยบริเวณแก้ม-ริมฝีปาก
• ลดรอยเหี่ยวย่นบริเวณหลังมือ
• ช่วยเติมขมับที่เป็นรอยบุ๋ม
• ใช้เติมคางให้ยาวขึ้น ทำให้ใบหน้าเป็น V-shape
• ฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้าให้ดูเล็กลง ได้สัดส่วนของใบหน้าที่ดีขึ้น
• ใช้ฟิลเลอร์ฉีดเพื่อทำกรอบหน้าให้ดูชัดขึ้น
• ช่วยปรับหน้าที่แบนให้ดูมีมิติแสงเงา ง่ายสำหรับการแต่งหน้า
• ในการปรับรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์ทำให้โหงวเฮ้งดีขึ้น ตามความเชื่อส่วนบุคคล

การดูแลตัวเองในการปรับรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์

• หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ควรดื่มน้ำให้มากๆ เพราะจะช่วยในเรื่องการคงสภาพของฟิลเลอร์ได้นานยิ่งขึ้น
• หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ควรงดใช้เครื่องสำอางเป็นเวลา 4 ชั่วโมง
• ควรงดออกกำลังกายหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ 48 ชั่วโมง
• ในการทำความสะอาดใบหน้า ไม่ควรถูหรือขัดหน้าแรงๆ ตรงบริเวณที่ฉีด
• หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ไม่ควรทำซาวน่า นวดหน้า และทำเลเซอร์ในบริเวณใบหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์

ข้อควรระวังสำหรับการฉีดฟิลเลอร์อีกหนึ่งอย่างซึ่งสำคัญมาก ๆ นั่นก็คือการเลือกสถาบันเสริมความงามที่มีความน่าเชื่อถือ ใช้ยาที่ได้มาตรฐาน เพราะถ้าหากโฟกัสให้ความสนใจแค่เรื่องราคาถูกแล้ว ก็อาจจะได้รับการฉีดฟิลเลอร์ปลอม ซึ่งมีความอันตรายเป็นอย่างมาก เพราะสารที่นำมาใช้เลียนแบบฟิลเลอร์จะเป็น ซิลิโคนเหลว ไบโอพลาสติก หรือพาราฟิน ที่เป็นอันตราย และจะส่งผลเสียต่อผิวบริเวณนั้นในระยะยาว

สถาบันเสริมความงามที่น่าเชื่อถือ และมีชื่อเสียงในเรื่องของการให้บริการในระดับพรีเมี่ยม และยังมีคุณหมอที่เก่งด้านการฉีดฟิลเลอร์คอยให้คำแนะนำอยู่ ถ้าอยากรูปหน้าเป๊ะ สวยละมุน ไม่โป๊ะเป็นก้อน ต้องฉีดฟิลเลอร์ที่ Ticha Clinic เท่านั้น และคุณหมอก็มือเบามาก ๆ มาที่ Ticha Clinic สวยครบจบในที่เดียว ไม่ต้องเสี่ยงหน้าพัง ไปเจอฟิลเลอร์ปลอม ซึ่งในครั้งหน้าเราจะมาแนะนำวิธีดู ฟิลเลอร์แท้ และจะแยกออกจากของปลอมได้ด้วยวิธีไหนบ้าง ? อย่าลืมติดตามกันด้วยนะคะ